วันศุกร์, เมษายน 19, 2024
หน้าแรกภูมิภาคสระแก้ว - ตำรวจชุดสืบจังหวัดสกัดจับแก๊งเครือข่ายขนแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา จำนวน 37 คน และผู้ต้องหาคนไทยอีก 3 ราย พร้อมตรวจยึดรถยนต์ที่ใช้ขนแรงงานและสัมภาระอีก 3 คัน...

Related Posts

สระแก้ว – ตำรวจชุดสืบจังหวัดสกัดจับแก๊งเครือข่ายขนแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา จำนวน 37 คน และผู้ต้องหาคนไทยอีก 3 ราย พร้อมตรวจยึดรถยนต์ที่ใช้ขนแรงงานและสัมภาระอีก 3 คัน พบแรงงานทั้งหมดนั่งอัดแน่นกันมาในรถเพียง 2 คัน ในพื้นที่ อ.คลองหาด จ.สระแก้ว

วันที่ 22 เม.ย.65 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลัง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. และรองผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัวป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) สั่งการและคาดโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจโรงพักตามแนวชายแดนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เข้มงวดปัญหาการลักลอบเข้า-ออกประเทศโดยผิดกฎหมาย โดย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2 และ พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว สั่งการให้ พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต ผกก.สส.ภ.จว.สระแก้ว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว ชป.4 (นปพ.) เข้าตรวจสอบพื้นที่จุดล่อแหลมที่มีการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในพื้นที่ อ.คลองหาด จ.สระแก้ว จำนวน 2 จุด โดยเฉพาะที่บริเวณหลังเซเว่น อีเลฟเว่น ใกล้วงเวียนคลองหาด ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว และบริเวณหน้าวัดไทยเจริญธรรม ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว ต่อเนื่องกัน จนสามารถจับกุมกลุ่มเครือข่ายขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาเข้าประเทศไทยได้รวม 37 คน พร้อมผู้นำพาคนไทยอีก 3 ราย และตรวจยึดรถยนต์ที่ใช้ขนแรงงานอีก 3 คน

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จุดแรกบริเวณถนนหลังเซเว่นอีเลฟเว่น วงเวียนคลองหาด ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว ชป.4 (นปพ.) ได้ร่วมกันเข้าจับกุม นายประเวช ต้นกันยา อายุ 43 ปี สัญชาติไทย ที่อยู่บ้านเลขที่ 120 ม.5 ต.ทุ่งคลี อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี และแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา จำนวน 20 คน แบ่งเป็นชาย 18 คน หญิง 2 คน พร้อมด้วยของกลาง รถยนต์ ยี่ห้ออีซูซุ 4 ประตู สีดำ หมายเลขทะเบียน 5กด-6338 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน ที่บรรทุกแรงงานอัดมาเต็มคันรถ และโทรศัพท์มือถือยี่ห้ออ๊อฟโป้ สีน้ำเงิน จำนวน 1 เครื่อง ซึ่งผู้ต้องหาใช้ในการสื่อสารและทำธุรกรรมการเงินกับนายตะเลท ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างชาวกัมพูชา ให้นำพาแรงงานต่างด้าวกลุ่มดังกล่าว

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหากับ นายประเวชฯ กระทำความผิดในข้อหาว่า ช่วยเหลือ ช่วยซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ ซึ่งบุคคลต่างด้าว ชาวกัมพูชา ที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายให้รอดพ้นจากการจับกุม ,ร่วมกันฝ่าฝืนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ร่วมกันชุมนุม หรือมั่วสุม ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดแพร่ออกไป ตามพระราชกำหนดการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 ,ส่วนชาวกัมพูชา ผู้ต้องหาที่ 2-21 แจ้งข้อหาว่า เป็นบุคคลต่างด้าวชาวกัมพูชา ที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ,ร่วมกันฝ่าฝืนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ร่วมกันชุมนุม หรือมั่วสุม ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตราย หรือโรคระบาดแพร่ออกไป พระราชกำหนดการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว ชป.4 (นปพ.) ได้เข้าตรวจสอบบริเวณหน้าวัดไทยเจริญธรรม ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว และสามารถจับกุม นางจีริสุดา พึ่งทอง อายุ 49 ปี ที่อยู่ 5 ซอยสุขาสงเคราะห์ 3 ถนนสุขาสงเคราะห์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี คนขับรถขนสัมภาระ กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้แชมป์ สีเทา หมายเลขทะเบียน ขธ 4383 ระยอง และ นายถวิล เทียนทิพย์ อายุ 55 ปี ที่อยู่ 185 ม.18 ต.หนองสองห้อง อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นผู้บอกเส้นทาง นั่งโดยสารมาในคนขับรถขนสัมภาระฯ พร้อมด้วย แรงงานชาวกัมพูชาอีก จำนวน 17 ราย เป็นชาย 8 ราย หญิง 8 คน และเด็กหญิงอีก 1 คน โดยสามารถตรวจยึดของกลางเป็นรถยนต์ 2 คัน ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นมิวเซเว่น สีบรอนส์เงิน หมายเลขทะเบียน ชห-5827 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน ซึ่งมีนายเชิท ซาท (MR.CHET SAT) อายุ 34 ปี หนึ่งในแรงงานกัมพูชา เป็นผู้ขับขี่ ขณะตรวจค้นจับกุม ,รถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น วีโก้แชมป์ สีเทา หมายเลขทะเบียน ขธ 4383 ระยอง จำนวน 1 คัน และโทรศัพทมือถือ 2 เครื่อง ที่ใช้ติดต่อสื่อสารในการนำพาบุคคลต่างด้าว

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้แจ้งข้อกล่าวหากับ นายเชิท ซาท (MR.CHET SAT) อายุ 34 ปี แรงงานกัมพูชา เป็นผู้ขับขี่ฯ ผู้ต้องหาที่ 1 ฐานร่วมกันช่วยเหลือ ช่วยซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ ซึ่งบุคคลต่างด้าวชาวกัมพูชา ที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายให้รอดพ้นจากการจับกุม ,ร่วมกันฝ่าฝืนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ร่วมกันชุมนุม หรือมั่วสุม ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตราย หรือโรคระบาดแพร่ออกไป ตามพระราชกำหนดการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 , นางจีริสุดาฯ และ นายถวิล ผู้ต้องหาที่ 2-3 ข้อหาร่วมกันช่วยเหลือ ช่วยซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ ซึ่งบุคคลต่างด้าวชาวกัมพูชาที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายให้รอดพ้นจากการจับกุม ส่วนแรงงานชาวกัมพูชาทั้งหมด ถูกแจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวชาวกัมพูชา ที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ,ร่วมกันฝ่าฝืนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ร่วมกันชุมนุม หรือมั่วสุม ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตราย หรือโรคระบาดแพร่ออกไป พระราชกำหนดการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 และเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.คลองหาด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts