วันพฤหัสบดี, เมษายน 18, 2024
หน้าแรกการเมือง‘พล.ต.ต.ปวีณ’ เปิดใจผ่านไป 6 ปี ยังเครียดและกลัว ต้องหนีจากประเทศไทย ไร้การปกป้อง ดูแลจากรัฐบาล

Related Posts

‘พล.ต.ต.ปวีณ’ เปิดใจผ่านไป 6 ปี ยังเครียดและกลัว ต้องหนีจากประเทศไทย ไร้การปกป้อง ดูแลจากรัฐบาล

หลัง รังสิมันต์ โรม อภิปรายในสภาฯ ชี้ ถ้าไทยเป็นประชาธิปไตย จะสาวถึงปลาตัวใหญ่ได้อีกหลายตัว


“…มันเป็นเรื่องเฉพาะตัวที่ติดค้างคาอยู่ในใจ ที่สร้างความทุกข์ระทมขมขื่น ทั้งเครียด กลัว และทุกข์ร้อนจิตใจ นับตั้งแต่หลบหนีออกจากประเทศไทย จนถึงวันนี้ นานถึง 6 ปี 3 เดือน 3 วัน จากการที่ผมปฏิบัติหน้าที่และถูกกลั่นแกล้ง ไม่ได้รับความเป็นธรรม จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รัฐบาล รวมทั้งผู้มีอำนาจ…”


วันนี้ (19 ก.พ. 2565) พรรคก้าวไกลได้จัดงานแถลง ‘กว่าจะเป็นตั๋วช้างภาค 2 เปิดเบื้องหลังอภิปราย รังสิมันต์ โรม’ เพื่ออภิปรายเพิ่มเติม โดยมีผู้เข้าร่วม คือ รังสิมันต์ โรม, พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า รวมถึง พล.ต.ต.ปวีณ เจ้าของเรื่องราวทั้งหมด

ในการแถลงครั้งนี้ พรรณิการ์ เกริ่นถึงที่มาที่ไปการอภิปรายถึงคดีค้ามนุษย์ในสภาฯ ของรังสิมันต์ ว่า ใช้เวลาเตรียมตัวนานถึง 2 ปี ตั้งแต่ก่อนยุบพรรคอนาคตใหม่เสียอีก เมื่อเวลาผ่านไป ก็ยังได้ติดต่อกับ พล.ต.ต.ปวีณ อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งประมาณกลางปีที่ผ่านมา ได้พูดคุยกับ พล.ต.ต.ปวีณ ซึ่งบอกว่าพร้อมแล้วที่จะเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมด

อย่างไรก็ดี เมื่อถึงเวลา พล.ต.ต.ปวีณ ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ ไม่ปลอดภัยพอที่จะเปิดเผย แต่เวลาล่วงเลยมาถึงปลายปี หลังจากปรึกษากับคนรอบตัว พล.ต.ต.ปวีณ ก็คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่เกินไปที่จะเก็บไว้กับตัว อยากให้ประชาชนและนานาประเทศได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงได้มีการส่งต่อเรื่องให้รังสิมันต์เป็นผู้อภิปรายเรื่องนี้

ด้าน พล.ต.ต.ปวีณ ได้เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังจากที่รังสิมันต์อภิปรายเรื่องของตนในสภาฯ รวมถึงหลังจากที่ลี้ภัยออกจากประเทศไทยตั้งแต่ 6 ปีก่อน

เขาเปิดเผยว่า “วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุดวันหนึ่ง มันเป็นเรื่องเฉพาะตัวที่ติดค้างคาอยู่ในใจ ที่สร้างความทุกข์ระทมขมขื่น ทั้งเครียด กลัว และทุกข์ร้อนจิตใจ นับตั้งแต่หลบหนีออกจากประเทศไทย จนถึงวันนี้ นานถึง 6 ปี 3 เดือน 3 วัน จากการที่ผมปฏิบัติหน้าที่และถูกกลั่นแกล้ง ไม่ได้รับความเป็นธรรม จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รัฐบาล รวมทั้งผู้มีอำนาจ เพราะเรื่องราวทั้งหมดได้รับการเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาให้คนไทยและทั่วโลกได้รับทราบ”

พล.ต.ต.ปวีณ เปรียบเทียบประสบการณ์การลี้ภัยว่าเหมือนผู้ที่หนีภัยสงคราม ต้องมาเรียนภาษาและทำงานหาเลี้ยงชีพเหมือนคนทั่วไป โดยที่ไม่เคยเตรียมตัวมาก่อน แต่เมื่อถึงเวลานี้ ก็รู้สึกได้รับความเป็นธรรมกลับมาครึ่งหนึ่ง ขณะที่อีกครึ่งหนึ่งยังขาดหายไป

พล.ต.ต.ปวีณ จึงบอกว่า ถ้าวันนั้นประเทศไทยเราเป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง มีผู้นำที่อยากให้ประเทศใสสะอาด มีความซื่อสัตย์ และมีความกล้าหาญ ให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปอย่างเที่ยงตรงเหมือนนานาอารยประเทศ และปล่อยให้ดำเนินไปจนสุดทาง เมื่อมีชีวิตราชการที่ยังเหลือ 3 ปี ประกอบกับความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในการสอบสวน “ผมมั่นใจว่าผมจะสาวไปถึง ‘ปลาตัวใหญ่’ ได้อีกหลายตัวอย่างแน่นอน จะใหญ่แค่ไหนก็คิดเอาเอง”

ขณะที่ รังสิมันต์ ตอกย้ำถึงจุดยืนของพรรคก้าวไกล ว่าจะไม่ให้เรื่องนี้เงียบอีกต่อไป โดยจะเดินหน้าทวงถามความยุติธรรมที่ พล.ต.ต.ปวีณ ถูกพรากไป รวมทั้งเดินหน้าทลายขบวนการค้ามนุษย์ที่หากินอยู่บนคราบน้ำตา-ความเจ็บปวดของประชาชน และเมื่อมีโอกาสแล้ว ก็อยากจะใช้โอกาสนี้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้สังคมไทยเติบโตมากยิ่งขึ้น อย่างมีวุฒิภาวะ และไม่ให้กลับไปมีปัญหาแบบเดิม

และจากเรื่องราวของ พล.ต.ต.ปวีณ นั้น พรรณิการ์ฝากถึงประชาชนใน 2 ประเด็น คือ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของการขุดเอาอดีตมาอภิปรายรัฐบาลปัจจุบัน เพราะไทยเองเพิ่งถูกปรับเป็น Tier 2 Watch List ในปีที่แล้ว นั่นหมายความว่า ขบวนการค้ามนุษย์ไม่ได้ถูกถอนรากถอนโคน แต่กลับเติบโตและมีโอกาสแสวงหาความร่ำรวยบนคราบเลือด-คราบน้ำตาของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสียเกียรติภูมิในประชาคมโลก

ขณะที่อีกประเด็นหนึ่งคือ ในช่วง 2-3 ปีมานี้ ที่ความขัดแย้งทางการเมืองทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับตำรวจย่ำแย่ลง คนจำนวนมากรู้สึกว่าตำรวจไม่ได้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่กลายเป็นผู้ที่คุกคามข่มขู่เสียเอง

เรื่องราวของ พล.ต.ต.ปวีณ คือเรื่องที่ยืนยันว่า ตำรวจดียังมีอยู่ แต่ไม่มีที่ยืนภายใต้ระบอบปรสิตที่กัดกินประเทศ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts