ทีมข่าวสืบสวนภาคตะวันออกเปิดโปงเครือข่ายอาชญากรในเครื่องแบบ ใช้ร้านหมูกระทะชื่อดังกลางบางแสนเป็นศูนย์บัญชาการลับ เคลียร์ผลประโยชน์ให้บ่อน–เว็บพนันข้ามจังหวัด เงินหมุนหลักล้านต่อเดือน ถูกฟอกผ่านสวนทุเรียนหรูบังหน้า
รายงานพิเศษจากทีมข่าวสืบสวนภาคตะวันออกเผยข้อมูลเชิงลึก “ขบวนการสีกากี” พัวพันธุรกิจหมูกระทะชื่อดังย่านบางแสน ซึ่งถูกใช้เป็นจุดรวมพลของเครือข่ายเจ้าหน้าที่รัฐบางกลุ่ม ที่ทำหน้าที่ “เคลียร์ค่าความสงบ” ให้บ่อนและเว็บพนันออนไลน์ในพื้นที่ภาคตะวันออก เพื่อแลกกับการไม่ถูกจับกุมหรือบุกตรวจ
แหล่งข่าววงในเปิดเผยว่า กลุ่มดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ระดับ “ดาบสมอทะเล” และ “สารวัตรข้างเตา” จากพื้นที่ในสังกัดตำรวจภูธรภาค 2 เข้ามามีบทบาทสำคัญ โดยมีการจัดระบบรับเงินเป็นรายเดือนจากเว็บพนัน รวมมูลค่าหลักล้านบาท ก่อนส่งต่อผ่านคนกลางและแปลงเป็นทรัพย์สินในชื่อญาติหรือบุคคลใกล้ชิด
เงินบางส่วนถูกนำไปลงทุนใน “สวนทุเรียน” จังหวัดใกล้เคียง เพื่อฟอกเงินให้ดูถูกกฎหมาย โดยแสดงรายได้เป็นเกษตรกรรม ขณะที่รายงานยังระบุว่า เจ้าหน้าที่บางนายที่พยายามตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มนี้ ถูกโยกย้ายอย่างปุบปับ โดยอ้างเหตุ “ปรับกำลังตามวาระ” สร้างความคลางแคลงใจให้กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่
อดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ให้สัมภาษณ์ทีมข่าวว่า “นี่คือโครงสร้างผลประโยชน์ซ้อนผลประโยชน์ ไม่มีทางที่เงินพนันจะไหลผ่านได้ขนาดนี้ ถ้าไม่มีคนบนโต๊ะใหญ่เปิดทาง”
ขณะเดียวกัน ประชาชนในพื้นที่บางแสน–ศรีราชา เริ่มรวมตัวเรียกร้องให้หน่วยงานส่วนกลางลงตรวจสอบอย่างโปร่งใส โดยเฉพาะทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่บางรายที่เพิ่มขึ้นผิดสังเกต ทั้งบ้านหรู รถยนต์ราคาแพง และสวนผลไม้ขนาดใหญ่ที่เพิ่งขยายพื้นที่
กรณีนี้สะท้อน “บาดแผลเรื้อรัง” ของวงการสีกากี เมื่อเครื่องแบบที่ควรปกป้องประชาชนกลับแปดเปื้อนผลประโยชน์สีเทา คำถามคือ… ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของตำรวจภาค 2 จะยอมให้ “แกะดำ” ทำลายเกียรติของราชสีห์ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ต่อไปหรือไม่?
หากยังปล่อยให้เครือข่ายผลประโยชน์ฝังรากโดยไร้การตรวจสอบจริงจัง ศรัทธาของประชาชนต่อเครื่องแบบอาจไม่มีวันฟื้นกลับมาได้อีกเลย
ตอนต่อไป: “เบื้องหลังสวนทุเรียนพันล้าน – เส้นทางเงินเว็บพนันสู่บ้านหรูชายฝั่งตะวันออก”
ทีมข่าวเตรียมเปิดข้อมูลเส้นทางโอนเงินและรายชื่อผู้ถือครองตัวจริง เร็ว ๆ นี้.










