“…20 กันยา “วันอนุรักษ์แม่น้ำ คู คลองแห่งชาติ” ปีนี้ไม่เหมือนเดิม! เมื่อ “ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์” ปลัดหญิง แห่ง ทส. ประกาศกร้าวกลางเวที “ทส. รวมใจ อนุรักษ์แม่น้ำ คู คลอง” ถึงเวลาพลิกฟื้นสายน้ำทั่วประเทศด้วยนโยบายเชิงรุก ดึงแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ (National Adaptation Plan: NAP)” เข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญในการต่อสู้กับวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่คุกคามแหล่งน้ำของไทย พร้อมส่งสัญญาณถึงความร่วมมือทุกภาคส่วน นี่จะเป็นจุดเปลี่ยนของการกอบกู้วิถีชีวิตริมน้ำได้หรือไม่?…”

กลับมาอีกครั้งกับวันที่ 20 กันยายน “วันอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลอง แห่งชาติ” วันที่ถูกกำหนดขึ้นเพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงเสด็จประพาสคลองแสนแสบอันเป็นจุดเริ่มต้นของการพลิกฟื้นชีวิตให้ลำคลอง แต่ทว่าในปี 2568 นี้ บรรยากาศกลับคึกคักและน่าจับตามองเป็นพิเศษ ภายใต้การนำของ ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้มีการจัดกิจกรรม “ทส. รวมใจ อนุรักษ์แม่น้ำ คู คลอง” ขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีสาระสำคัญที่ถูกส่งออกมาอย่างชัดเจนว่า การอนุรักษ์แหล่งน้ำจะไม่ใช่แค่เรื่องของการจัดกิจกรรมรณรงค์รายปีอีกต่อไป








ไฮไลท์สำคัญของงานอยู่ที่คำประกาศของ ดร.ชญานันท์ ที่เชื่อมโยงปัญหาสายน้ำเสื่อมโทรมเข้ากับวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเต็มรูปแบบ ท่านปลัดฯ ได้เน้นย้ำว่า ทส. ได้บรรจุนโยบายการจัดการทรัพยากรน้ำเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ “แผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ (National Adaptation Plan: NAP)” แล้ว
“วันนี้เราไม่ได้พูดแค่เรื่องขยะหรือน้ำเสีย แต่เรากำลังเผชิญกับความท้าทายที่ใหญ่กว่า นั่นคือภาวะโลกร้อนที่ส่งผลโดยตรงต่อปริมาณและคุณภาพน้ำของเรา แผน NAP จะเป็นกรอบการทำงานที่ชัดเจน ทำให้การแก้ปัญหาน้ำมีความยั่งยืนและสามารถรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดฝันได้” ดร.ชญานันท์กล่าว
นี่คือการยกระดับการทำงานที่น่าสนใจ จากเดิมที่เน้นการแก้ปัญหาปลายเหตุ สู่การวางยุทธศาสตร์ระยะยาวที่มองเห็นภาพรวมของปัญหาระดับโลก
อีกหนึ่งนโยบายที่ถูกผลักดันอย่างหนักคือ การเสริมความแข็งแกร่งให้กับ เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) ทั่วประเทศ ดร.ชญานันท์ กล่าวยกย่องว่า “ทสม. คือหัวใจของความสำเร็จ พวกเขาคือคนที่อยู่กับแม่น้ำลำคลองทุกวัน คือหูตาและเป็นกำลังสำคัญที่จะทำให้ทุกนโยบายเกิดขึ้นได้จริงในพื้นที่”
การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนให้เห็นว่า ทส. ภายใต้การนำของปลัดฯ คนปัจจุบัน กำลังเปลี่ยนจากการทำงานแบบรวมศูนย์ มาเป็นการกระจายอำนาจและความรับผิดชอบให้ชุมชนเป็นผู้ดูแลสมบัติของตนเอง
จาก “วันสำคัญ” สู่ “การลงมือทำทุกวัน”
แม้ “วันอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลอง แห่งชาติ” จะเป็นเพียงวันเดียวในหนึ่งปี แต่สิ่งที่ ดร.ชญานันท์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำลังพยายามสื่อสาร คือการเปลี่ยนวันสำคัญเชิงสัญลักษณ์นี้ให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการลงมือทำอย่างจริงจังในทุกๆ วัน ปฏิบัติการ “พลิกฟื้นเส้นเลือดใหญ่” ของไทยได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่จะประสบความสำเร็จได้มากน้อยเพียงใด คงต้องอาศัยความร่วมมือจากคนไทยทุกคนอย่างแท้จริง