กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก,พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พ.ต.อ.ขวัญชาติ วงศ์ขจรไพบูลย์ รอง ผบก.ปปป., พ.ต.อ.เพิ่มวุฒิ ประทุมราช ผกก.1 บก.ปปป. และ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.ปปป.
สำนักงาน ป.ป.ช. ภายใต้การอำนวยการของ นายนิวัติชัย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และ นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ มอบหมายให้ นายไพโรจน์ นิยมเดชา ผู้อำนวยการกลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 2
สำนักงาน ป.ป.ท. ภายใต้การอำนวยการของ นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. และนายเอกชัย เกษมสุขธวัช รองเลขาธิการฯ มอบหมายให้ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้อำนวยการกองปราบ การทุจริตในภาครัฐ 2 นางสาวมนัสนันท์ จรัลจรูญพงษ์ ผอ.ปปท. เขต 3 พร้อมเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.
สำนักงาน ป.ป.ง. ภายใต้การอำนวยการของ นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ง. มอบหมายให้ นายสุทธิศักดิ์ สุมน ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกฎหมาย สำนักงาน ป.ป.ง. พร้อมเจ้าหน้าที่ ป.ป.ง.
ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา
1.นายภีมพงษ์ฯ อายุ 45 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1
ที่ 40/67 ลงวันที่ 17 พ.ค. 2567
โดยกล่าวหาว่า “เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใด ในพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบฯ(พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ม.171 และ ป.อาญา ม.83)
2.นายปองพลฯ อายุ 51 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1
ที่ 41/67 ลงวันที่ 17 พ.ค. 2567
3.นางสาวลินดาฯ อายุ 43 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1
ที่ 42/67 ลงวันที่ 17 พ.ค. 2567
4.นางสาวอรนุชฯ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1
ที่ 43/67 ลงวันที่ 17 พ.ค. 2567
โดยกล่าวหาว่า “สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใด ในพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ โดยชอบฯ (พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ม.171 และ ป.อาญา ม.86)
สถานที่จับกุม ผู้ต้องหาที่ 1 และ 4 จับกุม ได้ที่หมู่บ้านจัดสรรค์ ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
ผู้ต้องหาที่ 2 จับกุม ได้ที่บ้านพัก ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
และ ผู้ต้องหาที่ 3 จับกุม ได้ที่บ้านพัก แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานครฯ
ของกลางตรวจยึด
- รถยนต์ Benz C250 coupe สีดำ หมายเลขทะเบียน 8กค 8799 กรุงเทพมหาคร มูลค่าประมาณ 3,700,000 บาท
- รถยนต์ Toyota camry สีด้า หมายเลขทะเบียน 4ขธ 3779 กรุงเทพมหานคร มูลค่าประมาณ 1,400,000 บาท
- รถยนต์ Toyota altis สีดำ หมายเลขทะเบียน ฎณ 4678 กรุงเทพมหานครมุลศ่าประมาณ 890,000 บาท
- รถจักรยานยนต์ ฮาร์เลย์ เดวิสัน จ๋านวน 5 ค้น มูลค่าประมาณ 5,000,000 บาท
- พระเครื่อง จํานวน 9 องค์ มูลค่าประมาณ 20,00,000 บาท
- อาวุธปืน จํานวน 4 กระบอก มูลค่าประมาณ 400,000 บาท
- ตั๋วจํานําทองคํา มูลค่ารวมประมาณ 4,335,000 บาท
- ตั๋วจํานํานาฬิกาโรเล็กซ์ มูลค่าประมาณ 150,000 บาท
- สร้องคอทองคํา จํานวน 2 เส้น หนัก 20 บาท มูลค่าประมาณ 800,000 บาท
- โฉนดที่ดิน จํานวน 2 แปลง ราคาประมาณ 300,000 บาท
- บ้านพร้อมที่ดิน จํานวน 1 หลัง ราคาประมาณ 6,000,000 บาท
รวม 11 รายการ มูลค่าประมาณ 42,975,000 บาท
พฤติการณ์ เมื่อเดือน ต.ค. 2561 บริษัทฯ ของผู้เสียหาย ได้รับหนังสือจากสำนักงานจัดการกรรมสิทธิ์ สำนักงานโยธา กรุงเทพมหานคร โดยในหนังสือแจ้งว่ากรุงเทพมหานครมีโครงการก่อสร้างทางหลวงท้องถิ่น
ซึ่งปรากฏโฉนดที่ดินของบริษัทฯ อยู่ในแนวเขตก่อสร้าง เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2561 นายภีมพงษ์ฯ พร้อมกับ
นายปองพลฯ ผู้รับเหมาเข้ามาสำรวจที่ดินในวันดังกล่าว ซึ่งนายภีมพงษ์ฯ แจ้งว่าหากต้องการขยับแนวเขตถนนโครงการก่อสร้างต้องมีค่าใช้จ่าย และนายภีมพงษ์ฯ จะดำเนินการให้
ต่อมาทางผู้เสียหาย ได้ติดต่อกลับไปที่นายภีมพงษ์ฯ อีกครั้ง เนื่องจากเห็นว่าการก่อสร้างของทางกรุงเทพมหานคร จะทำให้กระทบต่อการบริหารสนามกอล์ฟ จึงได้มาพูดคุยกับนายภีมพงษ์ฯ เพื่อหาทางแก้ไขไม่ให้กระทบต่อสนามกอล์ฟ และโรงเรียนนานาชาติในเขตพื้นที่สนามกอล์ฟ จึงได้ตกลงกันที่จะทำถนนลอดทางที่กรุงเทพมหานครกำลังจะสร้าง นายภีมพงษ์ฯ แจ้งว่าต้องขอใบอนุญาตก่อสร้าง และต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ รวมทั้งสิ้นเป็นจำนวนเงิน 9,000,000 บาท
ภายหลังทางผู้เสียหาย ทราบมาว่า แนวเขตการเวนคืนในการก่อสร้างของกรุงเทพมหานคร มีแนวเวนคืนแล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแนวเขตที่ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่เริ่มโครงการได้ จึงเห็นว่าตามข้อมูลในหนังสือที่นายภีมพงษ์ฯ ได้ติดต่อ และแจ้งมายัง กับบริษัทฯ เรื่องแนวเขตต่างๆ ก่อนหน้านี้ไม่เป็นความจริง จึงเดินทางมาร้องเรียนที่ บก.ปปป. เมื่อวันที่ 9 ม.ค.2567 ให้ตรวจสอบการกระทำของนายภีมพงษ์ฯ กับพวก และได้เข้าร้องทุกข์ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปปป.
ต่อมาเช้าวันที่ 20 พ.ค.67 เวลา 05.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. ,ป.ป.ช. ,ป.ป.ท. และ ป.ป.ง. จึงได้วางแผนเข้าจับกุม นายภีมพงษ์ฯกับพวก รวม 4 คน และเข้าค้นจุดต้องสงสัยพร้อมกัน 5 จุด ในเวลาเดียวกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่พักของอดีตภรรยาของนายภีมพงษ์ฯ ก่อนนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปปป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหา ทั้ง 4 ราย ยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.สุข ศุขไพบูลย์ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ปปป. โทร 08 6320 4460