วันเสาร์, กันยายน 21, 2024
หน้าแรกอาชญากรรมบก.ปคบ. รวบผู้ต้องหาเจ้าของเต๊นท์รถ ฉ้อโกงหลอกลวงให้ลงทุนธุรกิจซื้อขายรถยนต์มือสอง มูลค่าความเสียหายกว่า 64 ล้านบาท

Related Posts

บก.ปคบ. รวบผู้ต้องหาเจ้าของเต๊นท์รถ ฉ้อโกงหลอกลวงให้ลงทุนธุรกิจซื้อขายรถยนต์มือสอง มูลค่าความเสียหายกว่า 64 ล้านบาท

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก. พล.ต.ต. อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.ธรากร เลิศพรเจริญ รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.อ. เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ. พ.ต.ท.สุพจน์ พุ่มแหยม รอง ผกก.4 บก.ปคบ. พ.ต.ท.นิธิ ตรี สุวรรณ  รอง ผกก.4 บก.ปคบ.
ได้จับกุมผู้ต้องหา ตามหมายจับในคดี ฉ้อโกงผู้ต้องหา 1 ราย มีหมายจับรวม 5 หมายจับ มูลค่าความเสียหายกว่า 64 ล้านบาท
         
เมื่อประมาณปลายปี พ.ศ.2563 จนถึง ปลายปี พ.ศ.2564  คดีนี้ นายสหพร (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาที่ 1 และ น.ส.น.ส.รัตศุภา (สงวนนามสกุล)  ผู้ต้องหาที่ 2  เป็นสามีภรรยากัน ได้เปิดเต็นท์รถยนต์ชื่อว่า ดูรถดอทคอม ตั้งอยู่ที่ ถ.สุขาภิบาล 5 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร โดยประกอบธุรกิจเกี่ยวกับ การซื้อขาย แลกเปลี่ยนรถยนต์มือสอง และมีการเปิดเว็ปไซด์ http://www.doorodd.com และ เพจเฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/DoorodTH/  เพื่อโฆษณา ต่อมา มีกลุ่มผู้เสียหายเป็นกลุ่มพ่อค้านักธุรกิจค้าขายรถยนต์มือสอง นำรถยนต์มาจอดฝากขาย โดยผู้ต้องหาได้ทำตนเองให้ดูมีหน้ามีตาและความน่าเชื่อถือในวงการเสื้อขายรถยนต์มือสอง จากนั้นผู้ต้องหาได้หลอกลวงผู้เสียหายจำนวนหลายราย โดยแบ่งผู้เสียหายแบ่งเป็น 2 กลุ่มดังนี้  

กลุ่มที่ 1 กลุ่มผู้เสียหายที่เป็นกลุ่มผู้เป็นเจ้าของเต๊นท์รถมือสอง (เสียหายรถยนต์ประมาณ 117 คัน) ผู้ต้องหาใด้ให้ผู้เสียหาย นำรถมาวางขายที่เต๊นท์รถของตนเอง จากนั้นจะออกอุบายว่าขายรถได้แล้ว เพื่อให้ผู้เสียหายส่งเล่มทะเบียนรถมาให้ จากนั้นจะเอารถยนต์ พร้อมเล่มทะเบียนไปขอสินเชื่อ กับ บริษัทสินเชื่อเอกชน (สินเชื่อเพื่อธุรกิจเต๊นท์รถมือสอง คือการเอารถที่ขายไปขอสินเชื่อโดยบริษัทจะเอาเล่มรถยึดไว้แต่ให้นำตัวรถมาวางขายได้หากขายรถได้ให้ไปเอาเล่มจากบริษัทเพื่อทำการขายและชำระสินเชื่อคืน)  โดยเมื่อผู้ต้องหาได้เงินจากบริษัทสินเชื่อแล้ว จะเก็บเงินดังกล่าวเอาไว้เป็นของตน และจะไปหลอกลวงกับ เจ้าของเต้นรถว่าตนเองยังขายรถไม่ได้ ติดปัญหาต่างๆเพื่อหน่วงรั้งเล่มรถไว้  

กลุ่มผู้เสียหายที่ 2 ที่เป็นนักลงทุน โดยผู้ต้องหาจะอาศัยโปรไฟล์ของตนเองที่เป็นเจ้าของเต๊นท์รถ ออกอุบายกับผู้เสียหาย ให้มาร่วมลงทุน โดยให้ซื้อรถมือสองมาวางขายที่เต๊นท์ และผู้ต้องหา มีหน้าที่นำรถดังกล่าวไปขายโดย ผู้เสียหายจะได้ค่าตอบแทนเป็นดอกเบี้ย ซึ่งจะหักออกจากผลกำไรที่ได้จากการขายรถ โดยผู้ต้องหาจะนำรถมาจาก ผู้เสียหายกลุ่มที่ 1 ซึ่งนักธุรกิจเป็นเต๊นท์รถมือสอง แต่โดยความจริง เป็นการยืมรถมาวางขาย แต่จะมาหลอกลวงกับผู้เสียหายกลุ่มนี้ ว่าเป็นการซื้อมา จากนั้นจะหลอกลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินลงทุนมาเป็นผลประโยชน์แก่ตนเอง
โดยผู้ต้องหาได้หลอกลวงกลุ่มผู้เสียหายหลายครั้ง รวมมูลค่าความเสียหายในคดีนี้เป็นรถยนต์ จำนวน 117 คัน และเงินสด รวมมูลค่าความเสียหาย จำนวน 64,446,900 บาท

ต่อมากลุ่มผู้เสียหายไม่ได้ผลประโยชน์ตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง แต่ได้สูญเสียทรัพย์สินไป จึงทราบว่าตนถูกผู้ต้องหาฉ้อโกง จึงไปติดตามตัวผู้ต้องหาปรากฎว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปเมื่อปลายปี พ.ศ2564 ผู้เสียหายทั้งหมดจึงได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางเขน เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมาย  
     
พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายจับ นายสหพร ผู้ต้องหาดังกล่าวรวมจำนวน 5 หมายจับ คือ
1.หมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.88/2565 ลง 31 มกราคม 2565 ข้อกล่าวหา “ร่วมกันฉ้อโกง”
2.หมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.89/2565 ลง 31 มกราคม 2565 ข้อกล่าวหา “ร่วมกันฉ้อโกง,ร่วมกันยักยอก”
3.หมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.301/2565 ลง 28 มีนาคม 2565 ข้อกล่าวหา “ร่วมกันเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ,ร่วมกันยักยอก”
4.หมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.302/2565 ลง 28 มีนาคม 2565 ข้อกล่าวหา “ยักยอก”
5.หมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.184/2565 ลง 24 กุมภาพันธ์ 2565 ข้อกล่าวหา “ร่วมกันฉ้อโกง”

จากการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีการจับกุม ไปตามจังหวัดต่างๆ และเปลี่ยนรถยนต์ใช้งานตลอดเวลา ทำให้ยากต่อการจับกุม จนเมื่อวันที่เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2565 เวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ทำการสืบสวนต่อเนื่องจนทำการจับกุมผู้ต้องหาได้ ขณะที่หลบหนีกบดานในพื้นที่ ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง  จ.นครราชสีมา โดยจับกุมผู้ต้องหาได้พร้อมด้วยรถยนต์ที่ใช้หลบหนี จำนวน 2 คัน และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 15 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คจำนวน 2 เครื่อง โดยในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับปฏิเสธ   ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 ได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนหน้านี้แล้ว
       
ในคดีนี้มีกลุ่มผู้เสียหายได้ถูกนายสหพร หลอกลวงจำนวนหลายราย ความเสียหาย เป็นทรัพย์สิน คือรถยนต์ จำนวน 117 คัน และเงินสด  โดยรวมมูลค่าทรัพย์สินที่เสียหาย จำนวน 64,469,000 บาท
         
หากประชาชนท่านใดเคยถูกผู้ต้องหารายนี้หลอกลวงในลักษณะข้างต้น สามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค และที่ สน.บางเขน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้ต่อไป

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts