วันศุกร์, กันยายน 20, 2024
หน้าแรกอาชญากรรมนายชัยวัฒน์สุดทุน! แจ้งความดำเนินคดีขอให้ย้ายด่วน !

Related Posts

นายชัยวัฒน์สุดทุน! แจ้งความดำเนินคดีขอให้ย้ายด่วน !

“…เผย หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า คลองพระยา จ.กระบี่  มีการปล่อยปะละเลย รู้เห็น เกี่ยวข้อง รับรู้ การบุกรุกป่า กร้าว!!! สถานการณ์มันสุกงอม จุกอก อดทน ไม่ไหวจริง ๆ ก่อนป่า และศักดิ์ศรี ของเจ้าหน้าที่ จะหมดไป จึงขอให้ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ย้ายหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งนี้ ด่วน! เพื่อความปลอดภัยต่อ เจ้าหน้าที่  สายข่าว และเพื่อความชอบธรรม ทุกฝ่าย…”

จากการร้องเรียนของผู้นำชุมชน ราษฎร​ในพื้นที่ รวมถึงเจ้าหน้าที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า (ขสป.) คลองพระยา ซึ่งรับไม่ได้กับการกระทำของ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองพระยา ที่มีการปล่อยปละละเลยให้มีการบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินจำนวนหลายแปลง ปล่อยให้มีการตัดโค่นไม้ยางพารา ซึ่งตามกฎหมายยังไม่สามารถดำเนินการได้ รวมถึงการปล่อยให้มีการเก็บหาประโยชน์​ในพื้นที่แปลงที่มีการดำเนินคดีแล้ว ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า (ขสป.) คลองพระยา จ.กระบี่ 

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช (ผอ.สอช.) พร้อมด้วย ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่  5 (ผอ.สบอ.5) ลงพื้นที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองพระยา จ.กระบี่ ตรวจสอบตามข้อร้องเรียน ว่า มีการปล่อยปะละเลย รู้เห็น เกี่ยวข้อง รับรู้ การบุกรุกป่า  โค่นยางพารา ขณะลงพื้นที่ พบบุคคลในเรื่องร้องเรียน กำลังเปิดพื้นที่บุกรุก ใหม่อีกแปลง

วันที่ 5 มิ.ย. 67 นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ นำทีม พญาเสือ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนพร้อมหน่วยงานเกี่ยวข้อง เข้าจับกุม นายมงคล (สงวนนามสกุล) หลังได้รับเรื่องร้องเรียน ว่า นายมงคล (สงวนนามสกุล)  ได้ทำการบุกรุก ยึดถือ และครอบครองที่ดินบริเวณป่าบ้านน้ำรอบ หมู่ที่ 7 ต.คีรีวง อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองพระยา ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าปลายคลองพระยา

จากการตรวจสอบ ของทีมพญาเสือ พบว่า บริเวณดังกล่าวถูกแผ่วถาง เนื้อที่ประมาณ 10.39 ไร่ และพบตอไม้พึ่งถูกตัดโค่นใหม่กระจายอยู่ทั่วในพื้นที่ เพื่อที่จะปลูกต้นปาล์มน้ำมัน

โดยในขณะที่พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบพื้นที่อยู่นั้น พบบุคคลเพิ่มเติมในพื้นที่ จำนวน 2 คน ทราบชื่อภายหลัง ว่า ชื่อ นางอำนวย (สงวนนามสกุล) และ นางจุทามาศ (สงวนนามสกุล) ซึ่งรวมทั้ง 3 คนได้เข้ายึดถือ ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว โดยไม่มีเอกสารสิทธิใดๆ และอ้างว่าเป็นพื้นที่ทำกินดั้งเดิม แต่ทิ้งร้างไม่ได้เข้าทำประโยชน์มา มากกว่า 20 ปี และได้กลับมาแผ้วถางพื้นที่ดังกล่าว เป็นเวลา 2 เดือน

อีกทั้งยังอ้างว่า ได้รับอนุญาตเข้าทำประโยชน์จากหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองพระยา คนปัจจุบันแล้ว และหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์ฯ ได้เข้ามาตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ตนจึงคิดว่าพื้นที่ดังกล่าว สามารถเข้าทำประโยชน์และปลูกปาล์มน้ำมันได้

คณะเจ้าหน้าที่ฯ จึงได้ร่วมกันตรวจวัดพื้นที่บุกรุก ได้เนื้อที่ประมาณ 10.39 ไร่ ซึ่งอยู่ในแนวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองพระยา รวมถึงซ้อนทับกับป่าสงวนแห่งชาติป่าปลายคลองพระยา ตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา มาตราส่วน 1:50,000 และตรวจสอบกับภาพถ่ายทางอากาศออร์โธสี ปี 2545 (คือ ภาพถ่ายทางอากาศสีซึ่งผ่านกระบวนการปรับแก้ความผิดเพี้ยนเนื่องจากเรขาคณิต ของการถ่ายภาพ และความสูงต่างของภูมิประเทศ (Relief Displacement) โดยมีระบบพิกัดอ้างอิง) และภาพถ่ายดาวเทียม ปี 2564 พบว่าพื้นที่ดังกล่าวยังคงมีสภาพเป็นป่าธรรมชาติสมบูรณ์ ไม่ปรากฏร่องรอยการทำประโยชน์มาก่อน

เป็นเหตุให้คณะเจ้าหน้าที่ฯ ตรวจยึดพื้นที่ และของกลางอุปกรณ์ในการกระทำความผิด จำนวน 4 รายการ คือ รถกระบะบรรทุกกล้าปาล์มน้ำมัน, กล้าปาล์มน้ำมัน 22 ต้น, มีดพร้า 2 ด้าม และ จอบ 2 ด้าม และได้ทำบันทึกจับกุม พร้อมนำตัวทั้ง 3 คน ส่ง สภ.ปลายพระยา เพื่อดำเนินคดีต่อไป

และได้ทำการขยายผลไปยังอีกแปลงที่มีการร้องเรียนว่า มีการบุกรุก แผ้วถางป่า เนื้อที่ 20 กว่าไร่ ซึ่งดำเนินการโดย นายมงคล (สงวนนามสุกล) เช่นกัน จึงได้นำตัว นายมงคล   ไปยังแปลงบุกรุก พร้อมแสดงหลักฐานการร้องเรียน และ นายมงคลจำนนต่อหลักฐาน โดยได้ยอมรับว่าตนเป็นผู้บุกรุกแผ้วถางป่า แปลงดังกล่าวจริง

แต่ตนบุกรุก แผ้วถางแค่ 4 ไร่ ไม่ได้บุกรุกทั้งหมด เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งความบุกรุกแผ้วถางป่าแก่ นายมงคล อีกแปลงเพิ่มเติม

จากการสืบสวนขยายผล ทราบว่า นายมงคล เป็นคนกว้างขวาง มีอิทธิพลในพื้นที่ และได้มีการเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ จากพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ และ มีความเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์ฯ โดยภายใน 1 เดือน มีการโทรศัพท์พูดคุยกันมากกว่า 200 ครั้ง โดยคาดว่าน่าจะมีผลประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงทราบอีกว่า มีการจ่ายเงินเพื่อเข้าไปดำเนินการบุกรุก แผ้วถางพื้นที่ป่า

การตรวจสอบร่วมกับ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่  5 (ผอ.สบอ.5) และ หน่วยพญาเสือ พบว่า ทุกเรื่อง ร้องเรียน เป็นจริง และหนักกว่าเรื่องร้องเรียน และกลุ่มขบวนการดังกล่าว ยังมีพฤติกรรมการข่มขู่เอาชีวิตกับผู้แจ้งเบาะแส

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช (ผอ.สอช.) ได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดี หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า  (หน.ขสป.) ในข้อหา แสวงหาประโยชน์ ร่วมกันบุกรุกป่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทุจริตต่อหน้าที่ อีกด้วย

จึงขอให้ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ย้ายหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า  (หน.ขสป.) แห่งนี้ ด่วน ! เพื่อความปลอดภัยต่อ เจ้าหน้าที่  สายข่าว และเพื่อความชอบธรรม ทุกฝ่าย

จากพฤติการณ์​ของหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า (หน.ขสป.)  คลองพระยา เข้าข่ายในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นการสนับสนุนหรือช่วยเหลือให้ผู้อื่นกระทำความผิด

นายชัยวัฒน์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ในการตรวจสอบ เมื่อครั้งคณะเจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบ ยืนยันว่ากระทำด้วยความเป็นธรรม ไม่มีการกลั่นแกล้ง หรือบิดเบือนข้อเท็จจริง ​แต่อย่างใด ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับชุมชน รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นและขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติในพื้นที่ อธิบดีกรมอุทยาน​แห่งชาติ ​สัตว์ป่า ​และ​พันธุ์พืช​ จึงสั่งการให้ย้ายหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า  (หน.ขสป.) คลองพระยา ออกจากพื้นที่ไว้ก่อน เพื่อดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริง​เพิ่มเติมต่อไป

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts