“…‘ศรีสุวรรณ’ ร้อง ป.ป.ช. สอบอธิการบดี ม.ราชภัฏพระนคร ปมละเมิดสร้างราชานุสาวรีย์ ร.9 ยืนเคียงคู่รัชกาลที่ 8 บริเวณหน้าตึกพุทธวิชชาลัย วงเวียนหลักสี่ ซึ่งก่อสร้างไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยที่กรมศิลปากรไม่เห็นชอบให้ก่อสร้าง แต่มีการโฆษณาเรี่ยไรขอรับบริจาคอย่างผิดกฎหมายไปก่อนแล้วได้เงินนับล้านบาท เข้าข่ายผิด ม.112 ด้วยหรือไม่…”
วันนี้ (8 เม.ย.65) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงาน ป.ป.ช.นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อขอให้ไต่สวนสอบสวนเอาผิดอธิการบดี ม.ราชภัฏพระนคร ฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีทำพิธีบวงสรวงวางศิลาฤกษ์เพื่อก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชการลที่ 9 ยืนเคียงคู่รัชกาลที่ 8 บริเวณหน้าตึกพุทธวิชชาลัย วงเวียนหลักสี่ ซึ่งก่อสร้างไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยที่กรมศิลปากรไม่เห็นชอบให้ก่อสร้าง แต่มีการโฆษณาเรี่ยไรขอรับบริจาคอย่างผิดกฎหมายไปก่อนแล้วได้เงินนับล้านบาท เข้าข่ายผิด ม.112 ด้วยหรือไม่
โดยกรณีดังกล่าวนั้น เมื่อวันที่ 8 พ.ย.64 ท่านอธิการบดีได้จัดพิธีบวงสรวงวางศิลาฤกษ์ เพื่อก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชการลที่ 9 ไปก่อนทั้ง ๆ ที่คณะกรรมการพิจารณาการสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติ กรมศิลปากรมีมติไม่เห็นชอบให้ก่อสร้าง ที่สำคัญการทำพิธีบวงสรวงวางศิลาฤกษ์เพื่อก่อสร้างพระราชานุสาวรีย์ดังกล่าว เป็นการกระทำที่อาจขัดต่อโบราณราชประเพณีอันถือเป็นการลบหรู่พระเกียรติของในหลวง ร.9 จนมิอาจยอมรับได้ กล่าวคือ การจัดทำแผ่นศิลาหินอ่อนที่ใช้เป็นดวงฤกษ์ในการวางศิลาฤกษ์นั้น ปรากฎว่าเป็นการจารึกดวงฤกษ์ว่าเป็น “ทลิทโทฤกษ์” ซึ่งเป็นฤกษ์ของผู้ขอ หรือฤกษ์ของ “ชูชก” ทั้งๆที่โดยโบราณราชประเพณีควรต้องใช้ “ราชาฤกษ์” เพราะเป็นเรื่องของพระเจ้าแผ่นดินหรือกษัตริย์
นอกจากนี้ ในพิธีดังกล่าวมีการจัดทำแท่นหรือฐานรองรับการวางศิลาฤกษ์ ยิ่งเป็นการหมิ่นพระเกียรติของในหลวงยิ่งๆขึ้นไปอีก นั่นคือ การเอาถังพลาสติกสีดำขนาดใหญ่มาทำเป็นฐานหรือแท่นรองรับการวางศิลาฤกษ์ อันชี้ให้เห็นถึงการกระทำที่ไม่คำนึงถึงพระเกียรติยศของในหลวงอันเป็นที่รักใคร่ของปวงชนชาวไทยแต่อย่างใด ทั้งๆที่อธิการบดีเป็นถึงผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการศึกษาของรัฐที่ในหลวง ร.9 เป็นผู้พระราชทานนาม“สถาบันราชภัฏ”ให้เมื่อ 14 ก.พ.2535
อย่างไรก็ตาม แนวคิดที่จะก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.9 ดังกล่าว ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากกรมศิลปากรและหรือสำนักพระราชวังเลย แต่กลับมาโฆษณาในโซเชียลมีเดียเพื่อขอเรี่ยไรรับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาได้เงินไปเป็นจำนวนมาก โดยไม่ปรากฎว่าได้รับการอนุญาตให้เรี่ยไรได้จากคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ หรือ “กคร.” ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธาน จึงอาจถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2544 โดยชัดแจ้ง
ปัญหาที่เกิดขึ้นมีข้อสงสัยว่า นายกสภามหาวิยาลัย คือ นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร ซึ่งเคยสนองรับใช้ในหลวง ร.9 มานาน และกรรมการสภาฯ ศ.(พิเศษ)จรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ปล่อยให้เรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้นในมหาลัยนี้ได้อย่างไร นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด