วันศุกร์, พฤศจิกายน 15, 2024
หน้าแรกอาชญากรรมตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบแก๊งปล้นไม้พะยูงเจ้าหน้าที่ป่าไม้สกลนคร

Related Posts

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบแก๊งปล้นไม้พะยูงเจ้าหน้าที่ป่าไม้สกลนคร

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส., พ.ต.อ.สิริณัฐ ศิริบุญภาคย์ รอง ผบก.ปทส., พ.ต.อ.สมบัติ มาลัย ผกก.(สอบสวน) รรท.ผกก.3 บก.ปทส., พ.ต.ท.วีรวุฒิ บำรุงสวัสดิ์ รอง ผกก.3 บก.ปทส., พ.ต.ท.พิชยะพัศ อยู่เย็นศิริ รอง ผกก.3 บก.ปทส.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ผล แก้วนามอม สว.กก.3 บก.ปทส., ร.ต.อ.วิทยา ทุมมาสุด รอง สว.กก.3 บก.ปทส., ร.ต.ต.ดวงเด่น ลาภจิต รอง สว.(ป) กก.3 บก.ปทส., ร.ต.ต.ภูมิพัฒน์ คงสิน รอง สว.(ป) กก.3 บก.ปทส., ร.ต.ต.ยศชัย ยืนยง รอง สว.(ป) กก.3 บก.ปทส., ว่าที่ ร.ต.ต.อนุชิต ขจรบริรักษ์ รอง สว.กก.3 บก.ปทส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปทส. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส. ภ.จว. สกลนคร

ร่วมกันจับกุม นายศรีสุนทรฯ อายุ39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสว่างแดนดิน ที่ 143/2567 ลงวันที่ 12 พ.ย.2567 ซึ่งต้องข้อหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป โดยคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ ติดตัวไปด้วยในเคหสถาน ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การการกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม, ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธหรือร่วมกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป, โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายและร่วมกันทำให้เสียทรัพย์, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดๆ ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร”

พร้อมตรวจยึดของกลาง
โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง

สถานที่จับกุม บริเวณศาลาที่พักประชาชนหน้าที่ว่าการอำเภอบุ่งคล้า อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วาริชภูมิ ได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนร้ายบุกรุกเข้าไป หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สน.2 บ้านกุดตะขาบ อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร ได้จับเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยมัดไว้และได้ร่วมกันลักเอาไม้พะยูง จำนวน 7 ท่อน, โทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง และอาวุธปืน จำนวน 7 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สืบสวนสอบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำผิด จนกระทั่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับต่อศาล ต่อมาศาลจังหวัดสว่างแดนดินได้อนุมัติหมายจับให้ทำการจับกุมนายศรีสุนทรฯ ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาอาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.บึงกาฬ ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งว่า พบตัวผู้ต้องหาปรากฏตัวอยู่บริเวณที่ว่าการอำเภอบุ่งคล้า เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดตามจับกุม เมื่อมาถึงพบผู้ต้องหาจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตน และแสดงหมายจับให้ผู้ต้องหาทราบ เมื่อผู้ต้องหาทราบและเข้าใจข้อกล่าวหาและสิทธิดังกล่าวดี จากนั้น นำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร เพื่อดำเนินคดี
ตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ได้รับการติดต่อจากนายนา ซึ่งรู้จักกันมาก่อน ให้นำรถกระบะไปรับนายไฟว์และนายนาและบุคคลอีก 3 คน (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง)รวมเป็น 6 คน (ชาย 5 คน, ผู้หญิง 1 คน) ตามจุดนัดพบให้ไปช่วยบรรทุกไม้แต่ไม่ทราบว่าจะไปที่ไหน โดยในเวลา 17.00 น. ให้ไปรอที่สถานีบริการน้ำมันพังโคน เมื่อไปถึงสถานีบริการน้ำมันพังโคน นายไฟว์และนายนาลงจากรถไปขึ้นรถของนายอาท โดยรถตนเองเหลือ 4 คน รถนายอาท มี 3 คน และเวลา 19.00 น.ให้ไปพบกันที่สถานีบริการน้ำมันวาริชภูมิ และรออยู่บริเวณนั้นจนกระทั่งเวลาประมาณ 23.00 น. นายนาบอกให้ขับรถตามนายอาทให้เข้าไปเอาไม้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สน.2 บ้านกุดตะขาบ อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร เมื่อไปถึงนายนาซึ่งไปถึงก่อนเปิดประตูหน่วยป้องกันรักษาป่าฯ และพาไปเอาไม้ ขณะเข้าไปไม่พบใครอยู่ในสถานที่ดังกล่าว ตนและคนแก่และผู้หญิงช่วยกันยกไม้ขึ้นรถตนเองประมาณ 10 กว่าท่อน แล้วก็ออกมา ส่วนกลุ่มนายอาท นายไฟว์ นายนา และอีกคนไม่ทราบชื่อและไม่รู้จัก ทำอะไรต่อในสถานที่ดังกล่าวไม่ทราบ ผู้ต้องหาก็ขับรถออกมาเอาไม้ลงไว้ที่บ้านน้ำจั่น ต.น้ำจั่น อ.เซกา จ.บึงกาฬ และรอให้เฒ่าแก่ซื้อไม้มารับไม้ โดยนายอาทเป็นคนติดต่อเฒ่าแก่คนซื้อ ซึ่งรออยู่ 2 วัน โดยรอทั้ง 7 คน ในจุดที่เอาไม้ลง และตอนเช้าได้ยินนายอาทพูดว่า เอาปืนมาจากหน่วยป้องกันรักษาป่าและได้เอาไปคืนแล้ว แต่ไม่ทราบว่าเป็นปืนอะไร จำนวนเท่าไหร่ จากนั้นตอนเช้าของอีกวันก็มีรถตู้สีบรอนมาขนเอาไม้ เห็นมีคนเดียวที่มากับรถตู้ดังกล่าว จำทะเบียนไม่ได้ จากนั้นก็ช่วยกันยกไม้ขึ้นรถตู้ไป จากนั้นก็แยกย้ายกันไป และไม่สามารถติดต่อนายอาทและนายนาได้ จนมาเห็นในทีวีว่านายอาทถูกจับ​

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts