เมื่อวันที่ 15-16 พฤศจิกายน 2024 ที่ผ่านมา นอกจากประธานาธิบดี สีจิ้นผิง จะเข้าร่วมประชุม ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 31 ณ กรุงลิมา ประเทศเปรู ยังได้ร่วมกับ ดินา โบลัวร์เต ประธานาธิบดีเปรู เปิดท่าเรือชานเคย์ (Chancay) อยู่ห่างจากกรุงลิมา ประมาณ 80 กิโลเมตร ซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึกใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ สร้างโดยเครือบริษัทคอสโก้ของจีน มูลค่าการลงทุน 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ท่าเรือแห่งนี้จะเป็นท่าเรือหลักของทวีปอเมริกาใต้ ในการแลกเปลี่ยนเส้นทางการค้ากับประเทศเอเชีย ลดเวลาการขนส่งสินค้าจากทวีปอเมริกาใต้ไปยังเอเชียตะวันออก จาก 40 วัน เหลือ 20 วัน เนื่องจากไม่ต้องผ่านคลองปานามา
โดยในตอนเย็นของวันที่ 14 พฤศจิกายน ตามเวลาท้องถิ่น ผู้นำทั้งสองร่วมกันทำพิธีเปิดท่าเรือชานเคย์ ผ่านการประชุมทางวิดีโอ ประธานาธิบดีจีนกล่าวว่า “จากชานเคย์ถึงเซี่ยงไฮ้ สิ่งที่พวกเรากำลังเห็น ไม่เพียงเป็นการก่อสร้างร่วมกันของข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางที่หยั่งรากและเบ่งบานในเปรูเท่านั้น แต่ยังเป็นการกำเนิดของเส้นทางสายใหม่ทางบกและทะเลแห่งยุคใหม่อีกด้วย”
People’s Daily Online รานงานว่า ก่อนหน้านี้เปรูไม่มีท่าเรือที่สามารถรองรับเรือคอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ได้ เรือเหล่านี้จำเป็นต้องจอดในเม็กซิโก ปานามา และสถานที่อื่น ๆ เพื่อถ่ายโอนสินค้าลงเรือขนาดเล็กที่สามารถส่งไปยังปลายทาง ณ เปรูได้ หลังจากท่าเรือชานเคย์สร้างเสร็จ ระยะเวลาในการขนส่งโดยตรงจากกรุงลิมา ประเทศเปรูไปยังเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน จะลดลงเหลือประมาณ 10 วัน นำผลประโยชน์มหาศาลมาสู่เปรู และสร้างโอกาสในการจ้างงานจำนวนนมาก รวมถึงกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค
ท่าเรือชานเคย์ กลายเป็นจุดเริ่มต้นใหม่สำหรับเส้นทางอินคาแห่งยุคใหม่ เช่นเดียวกับ ท่าเรือพิเรอุสในกรีซ ที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ไม่ใช่สโลแกนหรือเรื่องเล่าขาน แต่เป็นการปฏิบัติที่ประสบความสำเร็จและความเป็นจริงที่ยอดเยี่ยม หรือ ท่าเรือกวาดาร์ในปากีสถาน ก็กำลังกลายเป็นศูนย์กลางการขนส่งระดับภูมิภาค ทำให้ “ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ของจีน เป็นโอกาสของโลกยุคใหม่อย่างแท้จริง
ขอบคุณภาพประกอบจากซินหัว