การเดินสายเยือนต่างประเทศ 1 สัปดาห์ของ ไล่ ชิงเต๋อ ประธานาธิบดีไต้หวัน เริ่มขึ้นในวันนี้ (30 พ.ย. 2024) โดยจะแวะพักที่รัฐฮาวายและเกาะกวมของสหรัฐฯ ก่อนเดินทางต่อไปยังหมู่เกาะมาร์แชลส์ ตูวาลู และปาเลา ซึ่งเป็น 3 ใน 12 ชาติที่ยังคงมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน
เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุว่า สหรัฐฯ จะต้องบริหารจัดการประเด็นไต้หวันด้วยความระมัดระวังสูงสุด คัดค้านการแยกตัวเป็นเอกราชของไต้หวันอย่างจริงจัง และสนับสนุนการรวมชาติอย่างสันติของจีน
หากสหรัฐฯ ต้องการที่จะรักษาไว้ซึ่งสันติภาพในช่องแคบไต้หวันจริง ก็จำเป็นที่จะต้องตระหนักถึงจุดยืนของ ไล่ ชิงเต๋อ และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ในการเรียกร้องการแยกตัวเป็นเอกราช
เธอยังย้ำคำพูดของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่เคยกล่าวกับประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ที่เปรูในเดือนนี้ว่า “พวกแบ่งแยกดินแดน” ไม่ใช่กลุ่มที่จะสร้างสันติภาพหรือเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันศุกร์ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา หรือเพียง 1 วันก่อนที่ ไล่ ชิงเต๋อ จะเริ่มเดินสายเยือนชาติในแปซิฟิก กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้อนุมัติโครงการจำหน่ายอะไหล่เครื่องบินขับไล่ F-16 และระบบเรดาร์ให้กับไต้หวัน รวมมูลค่า 385 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นั่นคือสิ่งที่ปักกิ่งออกมาเตือนสหรัฐฯ ว่า ควรใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งยวด ในด้านความสัมพันธ์กับผู้นำไต้หวัน ที่ฝักใฝ่ในการแยกตัวออกจากจีน
ขณะที่หลายประเทศในภูมิภาค ต่างไม่สบายใจกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะนานาชาติต่างยอมรับในหลักการ “จีนเดียว” ทำให้การกระทำของสหรัฐฯ ถูกตั้งคำถามว่า…ได้อะไรจากการทำเรื่องเหล่านี้