วันอังคาร, พฤษภาคม 6, 2025
หน้าแรกท้องถิ่นวิญญาณพม่าเฮี้ยน!! สัปเหร่อหลอน

Related Posts

วิญญาณพม่าเฮี้ยน!! สัปเหร่อหลอน

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายบรรหาญ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ว่ามีสัปเหร่อและพระที่วัดถูกวิญญาณหนุ่มพม่าวัย 38 ปี หลอกจนหลอนต้องหอบผ้าหนีออกจากศาลาธรรมสังเวชกลางดึก

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดราษฎร์เจริญศรัทธาธรรม หลังจากที่ได้รับแจ้งว่ามี 2 สัปเหร่อถูกวิญญาณเฮี้ยนหนุ่มพม่าหลอกหลอนจนนอนเฝ้าศพไม่ได้ เบื้องต้นที่บริเวณศาลาธรรมะสังเวช ได้พบกับนายภาคภมูิ โรจน์ปรีชา อายุ 67 ปี และนายชโลธร สุพรรณ์ อายุ 17 ปี 2 มัคทายกและสัปเหร่อได้พาไปดูโรงเย็น โดยบริเวณฝาครอบลงเย็นพบร่องรอยเขม่าดำที่เกิดจากไฟไหม้วางอยู่บริเวณขอบประตู ส่วนโรงเย็นได้ตั้งวางไว้บนชั้นวางโดยมีคราบเขม่าควันไฟติดอยู่บริเวณด้านในของโรงเย็นด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ด้านนายภาคภมูิ ยังได้สาธิตเหตุการณ์หลอนที่เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 28 พฤศจิกายนให้ผู้สื่อข่าวได้ดูด้วยว่า ช่วงกลางดึกประมาณตี 2 ได้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ดอกไม้ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าหีบศพ (โรงเย็น) ของหนุ่มพม่าซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว ทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมามิสเตอร์ MIN AUNG อายุ 38 ปี หลังจากที่ได้ทำการถอดปลั๊กไฟน่าจะเป็นปลั๊กของโรงเย็นและปลั๊กไฟกระพริบที่ประดับบริเวรโรงแล้ว ยังเกิดเหตุการณ์ประหลาดสุดหลอน โดยเกิดเหตุไฟไหม้ดอกไม้ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าหีบศพขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งเหตุการณ์ประหลาดสุดหลอนยังไม่จบเพียงแค่นั้น ยังเกิดเหตุการณ์ไฟลุกไหม้บริเวณหีบศพของผู้ตายซึ่งตั้งอยู่ภายในโรงเย็นขึ้นอีกครั้ง จนทางด้านนายภาคภมูิ และนายชโลธร ต้องรีบเปิดฝาโลงเย็นช่วยกันดับไฟกันจ้าละหวั่น พอผ่านไปไม่นานขณะที่ทั้ง 2 สัปเหร่อกำลังจะนอนก็ได้กลิ่นไฟไหม้เกิดขึ้นอีกครั้งภายในโลงเย็นพบว่ามีไฟลุกไหม้บริเวณด้านข้างของร่างไร้วิญญาณหนุ่มพม่าสุดเฮี้ยนดังกล่าวขึ้นอีกรอบ ขึ้นชั้น 2 ก็รีบดับไฟและเปิดพัดลมไล่กลิ่นควันออกจากศาลาธรรมะสังเวช พอจะกลับมานอนหัวยังไม่ตกหมอนก็เกิดเหตุการณ์พานพลาสติก/ขวดและที่รองน้ำที่กรวดน้ำ ตกพื้นอีกถึง 5 ครั้ง จนต้องพากันไปไหว้พระประธานซึ่งตั้งอยู่ภายในศาลาธรรมะสังเวช จากนั้นได้ไปปูเสื่อเพื่อที่จะนอนกันอีกครั้งก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดตู้ลำโพงล้มลงมาทับหัวนายชโลธร จนต้องพากันวิ่งไปขอให้พระที่จำวัดอยู่ในวัดลงมาช่วย ก่อนที่จะพากันเก็บซากเสื้อผ้าห่มหมอน ย้ายที่นอนไปนอนที่ศาลาการเปรียญซึ่งห่างจากศาลาธรรมะสังเวชประมาณ 50 เมตร ก่อนที่จะย้ายที่นอนทาง 2 สัปเหร่อยังได้มีการท้าทายวิญญาณหนุ่มพม่าสุดเฮี้ยนว่า หากแน่จริงให้ล้มดอกไม้ที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าหีบศพให้หมด พอตื่นมารุ่งเช้าถึงกับผวาดอกไม้ที่ตั้งประดับหน้าหีบศพล้มครืนลงมากองกับพื้น

จากการสอบถามนายภาคภมูิ โรพจน์ปรีชา อายุ 67 ปี สัปเหร่อได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าเบื้องต้นผู้เสียชีวิตเป็นชายชาวเมียนมาร์อายุ 38 ปี หลังจากที่เสียชีวิตทางภรรยาผู้เสียชีวิตได้มาติดต่อต่อตั้งสวดอภิธรรมศพที่วัด โดยจะมีการตั้งสวดอภิธรรมศพจำนวน 3 คืน ซึ่งคืนแรกที่ตั้งสวดศพนั้นทางภรรยาผู้ตายได้มานอนเฝ้าศพและก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ต่อมาคืนวันที่ 2 (วันที่ 27 พฤศจิกายน)ทางภรรยาได้ติดต่อตนและผู้ให้มานอนเฝ้าศพ เพื่อที่จะดูแลเฝ้าธูปเทียนบริเวณหน้าหีบศพ จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดซึ่งต้องขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้รับชม โดยเหตุการณ์แรกได้เกิดไฟไหม้บริเวณดอกไม้แห้ง ซึ่งตอนแรกตนก็คิดในเชิงวิทยาศาสตร์ว่าอาจจะเกิดความร้อนกับหลอดไฟที่ประดับประดาบริเวณหน้าหีบศพ ซึ่งตอนนั้นตนก็ไปดับไฟที่ไหม้และได้ถอดปลั๊กไฟไม่ว่าจะเป็นปลั๊กไฟโรงเย็นและปลี๊กไฟที่เสียบประดับประดาหีบศพ ต่อมาเหตุการณ์ที่ 2 ก็เกิดไฟลุกไหม้บริเวณดอกไม้แห้งจุดเดิมขึ้นอีกครั้ง ซึ่งตนและทางผู้ช่วยก็ช่วยกันดับไฟและทำความสะอาดจากนั้นก็จะกลับมานอนหัวยังไม่ถึงหมอน ก็ได้กลิ่นเหม็นไหม้ภายในโรงเย็น ขึ้นถึง 2 ครั้งติดกัน แล้วก็มีเหตุการณ์โยนพานโยนเหยือกน้ำซึ่งเป็นที่กรวดน้ำอีกถึง 5 ครั้ง ซึ่งหากจะถามตนว่าตนรู้สึกกลัวไหมตนไม่รู้สึกกลัว เพราะตนทำอาชีพนี้มาถึง 30 ปี แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น หากมีการจุดธูปขอขมาก็จะจบไป เหตุการณ์นี้ถือว่าร่ำไรจุดธูปขอขมาแล้วก็ยังไม่ยอมจบ ซึ่งตอนนั้นเวลาตี 3ตนคิดว่าคงจะนอนที่ศาลาธรรมสังเวชไม่ได้แล้ว จะย้ายไปนอนที่ศาลาการเปรียญซึ่งก่อนที่จะไปตนก็ได้มีการท้าทายกับวิญญาณหนุ่มพม่า รายนั้นว่าหากเฮี้ยนจริงให้ล้มดอกไม้ที่อยู่หน้าหีบศพให้หมด หรือเฮี้ยนจริงให้ตามไปที่ศาลาใหญ่ซึ่งตนก็พูดทีเล่นจริงๆ ขอช่วงรุ่งสางประมาณ 6 โมงเช้า ก็กลับมาดูที่ศาลาธรรมสังเวชก็พบว่าดอกไมัที่ตั้งบริเวณหน้าหีบศพล้มจริงอย่างที่ตนท้าทาย หลังจากนั้นก็ได้นิมนต์พระมาทำพิธีให้ครบตามวาระ คนก็ได้กลับไปอาบน้ำที่บ้าน พอกลับมาที่ศาลาทางลูกน้องของตนแจ้งว่าไฟได้ลุกไหม้ที่บริเวณดอกไม้อีกแล้ว ตนถึงได้ถามว่าแล้วได้เปิดพัดลมไล่ควันออกจากศาลาหรือยัง ยังเห็นมีควันอยู่ในศาลาอยู่พอเข้าไปดูก็พบว่าไฟได้ลุกไหม้บริเวณหัวผู้เสียชีวิตซึ่งอยู่ในโรงเย็นขึ้นอีกครั้ง ตนจึงคิดว่าทางผู้ตายคงอยากจะไปแล้ว จึงได้แจ้งทางภรรยาและญาติของผู้เสียชีวิตให้ดำเนินการฌาปนกิจศพในช่วงเวลา 10:00 น ของวันนั้นเลย ซึ่งตามเวลาที่จะประกอบพิธีฌาปนกิจจริงๆจะเป็นเวลา 15:00 น โดยคิดที่ปรากฏช่วงที่ไฟไหม้ในช่วงเช้านั้นทางภรรยาและญาติของผู้เสียชีวิตก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย

ทั้งนี้ทางด้านนายภาคภูมิ ยังได้กล่าวถึงท้ายว่า ก่อนที่จะได้มีการฌาปนกิจศพได้เปิดฝาโลงโดยมีตัวเลขปรากฏเป็นเลข 341 จากนั้นได้นำร่างผู้เสียชีวิตเข้าสู่เมรุเพื่อทำการเผาศพ ปกติร่างผู้เสียชีวิตทั่วไปจะใช้ถ่านในการเผาศพประมาณ 4 กระสอบ แต่ในเคสนี้ต้องใช้ถ่านในการเผาศพมากถึง 7 กระสอบ เพราะเผายังไงก็ไม่ไหม้และได้ให้ทานภรรยาผู้เสียชีวิตมาจุดธูปบอกกล่าว ก่อนที่ร่างวิญญาณเฮี้ยนหนุ่มพม่ารายนี้จะเผาจนไหม้

จากนั้นทางภรรยาผู้เสียชีวิตได้นำเถ้ากระดูกของหนุ่มพม่าวิญญาณเฮี้ยนไปลอยอังคารประเพณีต่อไป(ซึ่งถ้าหากยังไม่มีการทำพิธีฌาปนกิจศพหนุ่มพม่าวิญญาณเฮี้ยนรายนี้คาดว่าคงจะเกิดเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นต่อไปเป็นแน่แท้)

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts