10.30 น. วันที่ 2 ธ.ค.67 ที่ บช.ก. ตัวแทนผู้เสียหายกว่า 10 คน เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับกองบังคับการปราบปราม เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับบริษัทเอเจนซี่รับจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และทัวร์ โลโก้ “ช้างสีฟ้า” หลังตกเป็นเหยื่อโอนจองตั๋วเครื่องบิน แต่กลับไม่ได้รับตั๋ว และไม่ได้รับเงินคืน มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อร่วม 100 คน ประมาณการณ์ความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท
นายกิตติศักดิ์ ตัวแทนผู้เสียหายเล่าว่า รู้จักกับบริษัทเอเจนซี่ดังกล่าวผ่านการค้นหาทางออนไลน์ จนพบชื่อบริษัทดังกล่าวเป็นเว็บไซต์แนะนำของ Google และเวลาค้นหาตั๋วเครื่องบินผ่าน Skyscanner ก็แนะนำให้จองผ่านเว็บดังกล่าว เมื่อเข้าไปดู ก็พบว่าบริษัทเอเจนซี่นี้มีการจดทะเบียนนิติบุคคล และใบอนุญาตขายตั๋วเครื่องบินถูกต้อง มีสำนักงานอยู่ย่านพระราม 9 มีช่องทางการติดต่อ Callcenter ชัดเจน และมีรีวิวของคนที่ได้รับตั๋วจริง ดูน่าเชื่อ และราคาตั๋วถูกกว่าจองเอง 5-10% ทำให้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาจึงตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินจากประเทศออสเตรีย-ไทย 4 ใบ รวมเป็นราคา 257,273 บาท โดยทางบริษัทแจ้งว่าจะได้รับตั๋วภายใน 15 วันทำการ แต่เมื่อครบกำหนด กลับไม่ได้รับตั๋ว จนตนเองต้องสอบถามไปทางสายการบิน ได้รับแจ้งว่าบริษัทเอเจนซี่ไม่โอนเงินจ่ายค่าตั๋ว จึงไม่สามารถออกตั๋วเครื่องบินให้ได้ จนตนเองต้องซื้อตั๋วเครื่องบินใหม่ ในราคาสูง เพื่อเดินทางกลับมาประเทศไทย
จากนั้นตนเองก็ได้รับจดหมายแจ้งจากบริษัทเอเจนซี่ว่าขาดสภาพคล่อง จะคืนเงินค่าตั๋วเต็มจำนวนภายใน 90 วัน แต่ก็ยังไม่ได้รับเงินคืน เมื่อไปติดต่อที่สำนักงานพระราม 9 ก็ได้รับแจ้งว่าบริษัทถูกเว็บ Skyscanner ขึ้นแบล็กลิสต์ ทำให้ขายตั๋วเครื่องบินไม่ได้ จนขาดสภาพคล่องไม่มีเงินมาคืนให้ผู้เสียหาย
ทำให้ตอนนี้ผู้เสียหายรู้สึกสิ้นไร้ไม้ตอก หมดหวังเป็นอย่างมาก เพราะไปแจ้งตำรวจท้องที่ ก็ไม่มีความคืบหน้า ผู้เสียหายบางคนเคยมาแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามแล้วครั้งหนึ่ง ก็ถูกบอกให้ไปแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ หรือ บช.สอท. แต่เมื่อไปแล้ว ก็ถูกบอกให้กลับมาที่กองบังคับการปราบปรามอยู่ดี ดังนั้นวันนี้จึงพยายามรวบรวมผู้เสียหายให้มากขึ้น หวังว่ากองบังคับการปราบปรามจะรับแจ้งความ เพราะปัจจุบันเว็บเอเจนซี่แห่งนี้ก็ยังคงดำเนินธุรกิจขายตั๋วเช่นเดิม เกรงว่าจะมีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวยังได้เข้าไปตรวจสอบเว็บไซต์เอเจนซี่รายนี้ พบว่ามีการโพรโมทข่าวว่าเป็นบริษัทสตาร์ทอัพสายเที่ยวเจ้าแรกในประเทศไทย ตั้งเป้าโกยรายได้ 10,000 ล้านบาทภายในปี 2570 และผู้เสียหายยังบอกด้วยว่าบริษัทนี้มีรูปถ่ายโพรโมทให้กับการท่องเที่ยวไทยหลายครั้ง แต่กลับขาดสภาพคล่อง ไม่มีเงินจ่ายคืนผู้เสียหาย ทั้งที่เจ้าของบริษัทยังขับรถหรูราคาแพง รวมถึงขาดส่งงบบริษัทมานานกว่า 3 ปีแล้ว