เมื่อเวลา 13.40 วันที่ 2 ธ.ค. ที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยถึงกรณีการบุกรุกพื้นที่ ส.ป.ก. ในพื้นที่จ.นครราชสีมา และ จ.สระบุรี ว่า เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ได้ลงตรวจสอบพื้นที่อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี และพบว่าน่าจะมีการออกเอกสารสิทธิถือครองที่ดิน ส.ป.ก. โดยมิชอบ และเมื่อมีการตรวจสอบแล้ว ทางป.ป.ช. จึงเป็นผู้ถือสำนวนในการสืบสวนโดยร่วมกับกระทรวงเกษตร และได้จัดตั้งคณะทำงานขึ้นมา โดยมี ป.ป.ช., ป.ป.ท, บก.ปปป. และ ปปง. ในการตรวจสอบโครงการดังกล่าว
จากข้อมูลของการตรวจสอบ พบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีจำนวน 50-60 ไร่ และถูกบุกรุกในปี 58 มีการจับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 4 คน โดยศาลสั่งจำคุก 1 คน และอีก 3 คนรอลงอาญา ต่อมาก็มีการออกเอกสารสิทธิคืนที่ดินส.ป.ก. ให้แก่จังหวัด จากนั้นก็มีบริษัทภูนับดาวมาทำการเช่าและทำเป็นที่ท่องเที่ยว เป็นสถานที่คล้ายรีสอร์ทที่เอาไว้ให้นักท่องเที่ยวไว้นอนดูดาว โดยมีประธานบริษัทแห่งหนึ่ง (เงินติดล้อ) เป็นประธานกรรมการผู้มีอำนาจในการบริหารจัดการพื้นที่ตรงนี้ ซึ่งพื้นที่ตรงนี้มีไว้เพื่อการเกษตร การนำมาทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวจึงเป็นการทำผิดวัตถุประสงค์
เมื่อถามถึงเรื่องเส้นเงินจำนวน 10 ล้านบาท ที่เชื่อมโยงไปถึงคนสนิทของบิ๊กนักการเมือง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ในการตั้งคณะทำงานคดีนี้ ทุกหน่วยงานต้องส่งข้อมูลไปที่ ป.ป.ช. โดย ป.ป.ช. จัดส่งเพียงหลักฐานบางอย่าง เพื่อให้แต่ละหน่วยงานสืบสวนต่อเท่านั้น ซึ่งในส่วนของ บก.ปปป. จะทำการสืบสวนเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องเอกสารและพื้นที่ที่ได้มาโดยไม่ชอบ ส่วนเรื่องเส้นทางการเงินจะเป็นการดำเนินการของ ปปง. ซึ่งในส่วนของเงิน 10 ล้านนี้ บก.ปปป. ได้เพียงข้อมูลมา แต่ในส่วนของรายละเอียดว่า เส้นทางการเงินมีที่มาอย่างไร เชื่อมโยงต่อไปที่ไหน บก.ปปป. ไม่ได้ทำการสืบสวน และตนก็ไม่มีอำนาจที่จะออกหมายเรียกหรือหมายจับ อำนาจทั้งหมดจะอยู่ที่ ป.ป.ช.
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจากข้อมูลพบผู้กระทำผิดประมาณกี่คน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตนเชื่อว่ามีหลายคน ซึ่งก่อนหน้านี้บก.ปปป. เคยเข้าไปค้นที่ภูนับดาวมา และก็ขอรายละเอียดหลักฐานต่างๆที่เป็นเอกสารสิทธิตัวจริง แต่ทางบริษัทก็ยังไม่ยอมมอบให้
อย่างไรก็ตาม หากต่อไป ป.ป.ช. มีการมอบหมายให้ทำคดีนี้เอง ก็พร้อมทำหน้าที่ตามกฏหมาย ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เชื่อมั่นในทีมงานของตำรวจกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในเรื่องของความเป็นตำรวจมืออาชีพ ตำรวจไม่ได้มีหน้าที่ไปช่วยใครให้พ้นผิด แต่มีหน้าที่ที่บังคับใช้กฎหมายกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง.