เมื่อเวลา18.00น.วันที่26เม.ย.2565เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านบึงตามรวบตัวหนุ่มวัย 27 ปี อดีตลูกจ้างร้านขายอาหารทะเลตามตลาดนัด ที่ก่อเหตุลักทรัพย์นายจ้างและเพื่อนนายจ้างเอาไปขาย โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพขณะก่อเหตุไว้ได้อย่างชัดเจน นำขึ้นรถเอาไปขาย มีทั้งโรลบาร์ แล็คหลังคารถยนต์ใส่ของ เครื่องหนีบน้ำอ้อยสด ขาเตาแก๊ส และแผงเหล็กตั้งวางของขายตามตลาดนัด โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 และ 22 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา ที่ห้องเช่าเลขที่ 101/2 หมู่ 1 ตำบลมาบไผ่ อำเภอบ้านบึง และหมู่บ้านเอื้ออาทร ม.5 ตำบลบ้านบึง เขตอำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ต่อมาเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ชุดสืบสวน สภ.บ้านบึง และสายตรวจมาบไผ่ ได้ตามจับกุมตัวนายจาตุรงค์ เพ็ญต่าย อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามกล้องวงจรปิด ส่งพนักงานสอบสวนโดยตั้งข้อหา ลักทรัพย์ในเคหะสถานโดยใช้ยานพาหนะมีความผิดต่างกรรมต่างวาระแยกรวมเป็น 4 คดี
สอบถามนายจาตุรงค์ ผู้ต้องหาให้การณ์ว่า บุคคลในภาพที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิดเป็นตนเองจริง โดยในวันที่ 21 และ 22 เมษายน ที่ผ่านมาตนเองได้ขับขี่รถกระบะอีซูซุ สี่ประตูสีขาว หมายเลขทะเบียน กต 3755 สุรินทร์ และอีซูซุแค๊ป สีเทา กต 1094 กทม. เข้าไปลักทรัพย์เป็นเหล็กโรลบาร์ เหล็กสำหรับตั้งแผงขายของ ในห้องเช่าเลขที่ 101/2 ม.1 ต.มาบไผ่ อ.บ้านบึง ซึ่งเป็นของนายพนมกร ละอองคำ อายุ 40 ปี (เป็นเพื่อนกับอดีตนายจ้างที่ขายของอยู่ในตลาดนัดแผงติดกัน) ซึ่งเป็๋นพ่อค้าขายเป็ดพะโล้ และวันเดียวกัน ก็ลักทรัพย์เป็นเครื่องหนีบน้ำอ้อยสด พร้อมขาเตาแก๊ส ที่บ้านของอดีตนายจ้างที่หมู่บ้านเอื้ออาทร หลังจากนั้นได้นำเอาไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่า ได้เงินมาประมาณ 2 พันบาท นำเงินที่ได้มาใช้จ่ายจนหมด
เมื่อสอบถึงสาเหตุที่ก่อเหตุ ผู้ต้องหาเล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนเองเคยเป็นลูกจ้างนางสาวนารี ขายอาหารทะเลสด แต่ทนต่อการถูกต่อว่า จากนายมนตรี พ่อค้าขายน้ำอ้อยคั้นสด แฟนใหม่ของนางนารีนายจ้าง ไม่ไหว มีความเก็บกด รู้สึกเคียดแค้นเรื่อยมา มาเป็นระยะเวลายาวนาน หาว่าตนไม่ช่วยงานที่ร้าน ไม่ช่วยยกของเวลาเก็บร้าน ทำให้นายมนตรี ต้องเหนื่อยที่ต้องมาคอยช่วยเก็บร้านแทนตน นายมนตรี จึงดุด่า ถ้าเป็นแบบนี้ก็ออกๆไปอยู่กับคนอื่นเถอะ หลังจากนั้นตนเองจึงออกไปอยู่กับนายจ้างอีกคน แต่ด้วยความที่นายจ้างใหม่ค้าขายอยู่ใกล้กันเห็นหน้าอยู่บ่อยๆ จึงคิดลงมือแก้เผ็ด ยืมรถนายจ้างใหม่ขับไปก่อเหตุขโมยเครื่องหนีบน้ำอ้อยของนายมนตรี และไปลักเหล็กของนายพนมกร ที่มีแผงอยู่ใกล้กัน ที่ทำลงไปเพราะความหมั่นใส้ และต้องการประชดอดีตนายจ้าง ยอมรับว่าผิดจริง แต่ไม่ขอโทษกับการกระทำที่เกิดขึ้น ตนเองเมื่อเกลียดใครแล้ว เกลียดจริงจังแม้แต่หน้าก็ไม่อยากจะมองส่วนทางด้านนายมนตรี กับนางสาวนารี ผู้เสียหายและเป็นอดีตนายจ้าง เล่าว่า จ้างนายจาตุรงค์ มาช่วยงานที่ร้านค่าแรงวันละ 300 บาท เพื่อช่วยนางนารี ยกของจัดร้าน เพื่อขายตามตลาดนัด หลังจัดร้านเรียบร้อย ก็อนุญาตให้นายจาตุรงค์ ไปรับจ้างยกของ ส่งของให้กับพ่อค้าแม่ขายคนอื่นๆได้ เพื่อเขาจะได้มีรายได้พิเศษ แต่เมื่อถึงเวลาเก็บร้านก็ให้นายจาตุรงค์ มาช่วย แต่นายจาตุรงค์กลับเพิกเฉย มิหนำซ้ำยังตอบกลับว่า ที่ร้านค้าอื่นๆของมีเยอะกว่า ตนเองจึงบอกว่า ถ้าจ้างแล้วไม่มาช่วยทำงานก็ไปช่วยที่ร้านอื่นเถอะไม่ต้องมาอยู่กับร้านนี้ ที่ผ่านมาก็ให้ความเอ็นดูเหมือนคนในบ้าน ให้งานทำ ก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรนายจาตุรงค์ จึงตัดสินใจผิด คิดสั้นลักทรัพย์ตนเอง และพ่อค้าเป็ดพะโล้เช่นนี้และจากการสอบถามนางเอ (ขอสงวนชื่อ นามสกุล) อายุ 55 ปี ผู้เป็นแม่ของนายจาตุรงค์ ที่ให้ข้อมูลไม่อนุญาตให้บันทึกภาพ ทราบว่า นายจาตุรงค์ สมัยเด็กเคยถูกไฟฟ้าดูด ทำให้สมองมีความผิดปรกติในบางครั้ง แต่ไม่ได้รับการรักษาจึงมีอาการขาดๆเกินมาโดยตลอด ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุของการคิดสั้นหรือไม่ทันได้คิดหน้าคิดหลัง จึงก่อเหตุเพื่อต้องการประชดหรือต้องการจะแกล้งนายจ้างก็เป็นได้
