ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง.ผบก.ป. ช่วยราชการ รอง ผบก.ทล, ได้สั่งการให้ กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) นำโดย พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล,
พ.ต.ท.นโรตม์ ยุวบูรณ์, พ.ต.กฤตย์ ธีรเวศย์สุวรรณ รอง ผกก.2 บก.ทล., ว่าที่ พ.ต.กล้า สมบัติพิบูลย์ สว.ส. ทล.1 กก.2 บก.ทล., ว่าที่ พ.ท.วรฉัตร ฉลวยแสง สว.ส.ทล.2 กก.2 บุก.ทล. และ พ.ต.โจ เสาร์ประโคน สว.ส. ทล.6 กก.2 บก.ทล. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงในสังกัด กก.2 ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา ได้ทั้งหมด 7 ราย ดังนี้
1.นายอมรเทพ หรือ อาร์ม (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ทำหน้าที่เป็นนายทุน ซื้อขายรถโจรกรรม และ ขายรถต่อให้นายทุนในประเทศเพื่อนบ้าน
สถามที่จับกุม ในพื้นที่ ต.พระแท่น อ.ท่านะกา จ.ภาญจนบุรี เมื่อวันที่ 14 มค.68
2.นายสนทยา (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี ทำหน้าที่เป็นหัวหน้ากลุ่มนักบิน วิ่งรับ-ส่งรถหลดจำนำให้กลุ่มนายทุน สถานที่จับกุม บ้านพัก ในพื้นที่ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เมื่อ 11 ม.68
3.นายธีรชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ทำหน้าที่เป็นนักบิน วิ่งรับส่งรถใกลุ่มนายทุนสถานที่จับกุม บ้านพัก ในพื้นที่ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เมื่อ 11 ม.68
4.นายณรงค์ (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ทำหน้าที่เป็นนักบิน วิ่งรับส่งรถให้กลุ่มนายทุนสถานที่จับกุม บ้านพักในพื้นที่ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เมื่อ 11 ม.68
5.นายประจักษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ทำหน้าที่เปิดเพจหลอกรับจำนำนำรถ และหลอกลวงให้ผู้เสียหายนำรถมาจำนำสถานที่จับกุม ในพื้นที่ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เมื่อ 20 ธ.ค.67
6.นายเมธี (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ร่วมกับนายประจักษ์ฯ หลอกลวงให้ผู้เสียหายนำรถมาจำนำสถานที่จับกุม บ้านพักในพื้นที่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เมื่อ 10.68
7.น.ส.วิยดา (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ทำหน้าที่เปิดบัญชีรับเงินที่ได้จากการหลอกรับจำนำนำรถสถานที่จับกุม ในพื้นที่ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เมื่อ 18 ธ.ค.67
ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกจับกุม ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือหลอกลวงน้ำเข้าสู่ระบบ คอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อัน เป็นเท็จโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ตามหมายจับของศาลจังหวัดปทุมธานี สถานที่ตรวจค้น โกดังจอดรถ ในพื้นที่ ต.พระแท่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี
ของกลางตรวจยึด
1.รถยนต์ จำนวน 23 คัน
2.รถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คัน
3.รถแทรกเตอร์ จำนวน 1 คัน
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 26 พ.ย.67 ผู้เสียหายได้ติดต่อกับเพจเฟซบุ๊ก ชื่อว่า “รับจำนำจำนำจักรยานยนต์ทุกชนิด” โดยทางเพจได้ล่อลวงให้ผู้เสียหายนำรถมาจำนำในราคา 80,0000 บาท และรถยนต์ บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ปทุมธานี โดยในวัมี นายประจักษ์ฯ และ นายเมธีฯ ซึ่งเป็นแก๊งหลอกรับจำนำรถ ได้เดินทางมารับรถจากผู้เสียหาย และมอบเงินสดให้กับผู้เสียหาย จำนวน 71,000 บาท (หักค่าดอกเบี้ยและค่าจอดรถ รวม 9,000 บาท) ต่อมาวันที่ 27 พ.ย.67 ผู้เสียหายสามารถที่หาเงินมาได้และต้องการที่จะไถ่รถคืน จึงติดต่อ นายประจักษ์ฯขอรับรถคืน แต่นายประจักษ์ฯ ได้ออกอุบาย ว่าจะต้องโอนเงิน จำนวน 80,000 บาท มาให้ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อก็ได้โอนเงินไปให้ นายประจักษ์ฯ ผ่านบัญบัญชีธนาคาร ของ น.ส.วิ ภายหลังทราบว่า น.ส.วิยดาฯ ก็เป็นหนึ่งในลูกหนี้ที่เคยนำรถมาจำนำ แต่ผ่อนต่อไปไปไม่ไหว นายประเสนอให้ไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อแลกกับการที่รถจะไม่ถูกนำไปปล่อยขายในตลาดมืด น.ส.วิยดาฯ จึง คนร้ายได้ใช้บัญชีดังกล่าวในการรับโอนเงินจากการหลอกจำนำรถ ส่วน นายเอ ผู้เสียหาย
ก็ไม่สามารถติดต่อกับ นายประจักษ์ฯ ได้อีกเลย จึงมันใจว่าตนเองถูกหลอก ได้แจ้งความ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี ดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายที่เกี่ยวข้อง
จนเมื่อประมาณช่วงต้นเดือนธันวาคม 67 นายเอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ได้ประสานขอความช่วยเหลือมายัง ตำรวจทางหลวง ผ่านสายด่วน 1193 ให้ช่วยติดตามรถยนต์ที่ถูกแก๊งหลอกจำนำรถโจรกรรมไป รถยนต์คันดังกล่าวได้หายไปบริเวณพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ติดกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ได้ทำการสืบสวนจนพบว่า แก๊งหลอกจำนำรถกลุ่มนี้มีการทำงทำงานเป็น เครือข่ายเชื่อมโยงกับกลุ่มนายทุนทั้งในประเทศและนอกประเทศ มีการแบ่งหน้าที่กันทำเป็นขบวนการ พบว่าเมื่อผู้เสียหายส่งมอบรถให้นายประจักษ์ฯ รถก็จะถูกส่งต่อให้กับกลุ่มนักบิน ที่นำโดยนายสนทยาฯ พร้อมลูกน้องอีก 2 คน โดยมี นายอมรเทพฯ หรือ อาร์ม เป็นนายทุนที่จะคอยซื้อขายรถที่ได้มาจากหลอกรับจำนำก่อนจะเสนอขายให้ให้กับนายทุประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อกลุ่มนักบินรับรถมา ก็จะนำรถ นายอมรเทพฯ ในพื้นที่ ต.พระแท่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี และเมื่อตกลงราคากับนาย… บ้านได้ก็จะนัดหมายส่งรถให้กลุ่มนายทุนประเทศเพื่อนบ้านมารับรถนำออกชายแดนตามช่องทางธรรมชาติ จากการข้อมูลการสืบสวนทำให้ทราบว่า พฤติกรรมของแก๊งอาร์ม พระแท่น ได้ทำการหลอกรับจำน้ำนำรถจากผู้เสียหายในลักษณะดังกล่าวข้างต้นมาโดยตลอด เป็นระยะเวลากว่า 2 ปี ตรวจพบการซื้อชายรถให้กับกลุ่มนายทุน
ทั้งในและนอกประเทศกว่า 100 คัน มูลค่าความเสียหาย กว่า 100 ล้านบาท