วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 8, 2025
หน้าแรกอาชญากรรมกลุ่ม ผสห.ร้อง ปคม.โดนบริษัทรับทำวีซ่าดังเชียงใหม่ หลอกลวงทำวีซ่าไปทำงานต่างประเทศ เสียหายนับล้านบาท บางรายทำวีซ่าไม่ผ่าน บริษัทปัดคืนเงิน อ้างขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสถานทูต

Related Posts

กลุ่ม ผสห.ร้อง ปคม.โดนบริษัทรับทำวีซ่าดังเชียงใหม่ หลอกลวงทำวีซ่าไปทำงานต่างประเทศ เสียหายนับล้านบาท บางรายทำวีซ่าไม่ผ่าน บริษัทปัดคืนเงิน อ้างขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสถานทูต

เมื่อเวลา 11.00 วันที่ 7 พ.ค.68 ที่บริเวณด้านหน้าแดนเนรมิตเก่า ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กทม.จ่าคิงส์ แตงทิมสะพานใหม่ พาผู้เสียหาย 6 คน จากจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย เดินทางร้องเรียนขอความเป็นธรรมที่ บก.ปคม.ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กรณีถูกบริษัทรับทำวีซ่าซื่อดัง ตั้งอยู่ย่านช้างคลาน จังหวัดเชียงใหม่ หลอกลวงให้ทำวีซ่าต่างประเทศไปทำงาน ทำการเกษตร ตามต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศแคนาดา ประเทศไอร์แลนด์ ประเทศโปแลนด์ ประเทศฝรั่งเศส ประเทศออสเตรเลีย ประเทศเกาหลี แต่สุดท้ายถูกหลอก เสียหายหลักล้าน ขอเงินคืนกลับถูกทางบริษัทปฏิเสธคืนเงิน

นาง วรวี (สงวนนามสกุล)หนึ่งในผู้เสียหายเล่าว่า ช่วงเดือนเมษายน ปี 2567 ตนต้องการหางานทำต่างประเทศเพราะที่บ้านมีหนี้สิน ลูกสาวจึงไปตามหาดูบริษัทรับทำวีซ่าทำงานต่างประเทศ และได้เจอกับบริษัทดังกล่าวและมาบอกตนว่าลองทำกับบริษัทดังกล่าวดู เพราะมีการไลฟ์หาคนตลอด และเป็นบริษัทถูกกฎหมาย ตนจึงติดตามบริษัทผ่านการไลฟ์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก ตอนแรกตนสนใจวีซ่าออสเตรีย จึงทักไปสอบถาม จึงรู้ว่าเป็นวีซ่าท่องเที่ยว ไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ จากนั้นก็เป็นทางบริษัทไลฟ์ตามหาคนทำวีซ่านักเรียนไปประเทศไอซ์แลนด์ แต่จุดประสงค์คือให้ตนไปทำงาน ซึ่งตนได้ไปค้นหาข้อมูลและตรวจสอบแล้วว่าวีซ่านักเรียนสามารถไปทำงานได้หลังเลิกเรียน ตนจึงตัดสินใจเลือกวีซ่านี้ ซึ่งทางบริษัทแจ้งว่าได้ดิวสถานบันไว้ โดยจะมีงานหลายแบบ เช่น งานเกษตร งานนวด งานโรงแรม งานก่อสร้าง และงานอื่นๆ ส่วนตัวสนใจงานเกษตรและแจ้งทางบริษัทไป ทางบริษัทยืนยันว่าได้ตกลงกับสถาบันไว้แล้วงานเยอะ ได้ทำงานแน่นอน และแจ้งเพิ่มเติมว่า ให้ตนไปเรียนภาษาเพิ่มเติมที่นั่น วันละ 1 ชั่วโมง แล้วเวลาที่เหลือให้ตนไปทำงาน


โดยไลฟ์ดังกล่าวมีการเปิดรับคนทำวีซ่า 10 คน เป็นวีซ่านักเรียน อยู่ได้ 2 ปี ค่อยเปลี่ยนเป็นวีซ่าทำงาน โดยยินยันว่าวีซ่าผ่านแน่นอน แต่ผ่านมาสักพักก็แจ้งว่าวีซ่าผ่าน 99% และเวลาต่อมาได้มีการไลฟ์แจ้งว่าตอนนี้เหลือสิทธิ์เพียง 3 คน ตนจึงสนใจและจ่ายมัดจำไป 10,000 บาท ในโปรฯ เงินสด 236,500 บาท และได้ส่วนลด 30% เหลือ 164,500 บาท

โดยหลังมัดจำตนต้องเดินเอกสาร ระหว่างนั้นทางบริษัทแจ้งมาว่าค่าทำเอกสารต้องเพิ่มอีก 29,999 บาท รวมเงินที่เสียไปมั้งหมด 39,999 บาท แต่เมื่อผ่านไปประมาณ 1 อาทิตย์ ทางบริษัทมาทวงเงินส่วนที่เหลืออีก 124,500 บาท ตนจึงเริ่งสงสัยเพราะจากที่คุยกับแอดมินครั้งแรกแอดมินแจ้งว่า ต้องรอให้สถานบันตอบรับเราเป็นนักเรียนก่อนจึงจะต้องจ่ายเงินที่เหลือ จากนั้นตนก็ได้ปรึกษาหารือ หาเพื่อนที่สมัครทำวีซ่า ในเพจเพื่อติดต่อปรึกษาว่าตนถูกหลอกหรือไม่ โดยการตั้งกลุ่มก็พบว่าตนถูกหลอก แต่เมื่อบริษัทรู้ว่ามีการตั้งกลุ่มคุยกันทางบริษัทได้โทรมาต่อว่า ว่าจะขอยกเลิกวีซ่าของตนขอไม่ทำเรื่องให้ ตนจึงตัดสินใจขอเงินคืน ทางบริษัทแจ้งว่าให้ตนไปรับเงินคืนที่บริษัทโดยตรง แต่ตนไม่มีเวลาจึงเสนอขอให้โอนคืนใหั แต่บริษัทไม่ยอม หลังจากนั้นตนได้นัดทางบริษัทว่าจะไปรับเงินคืน แต่เมื่อสอบถามคนอื่นๆ ในกลุ่มก็พบว่าได้เงินคืนเพียงนิดเดียว และบริษัทยังจะให้เซ็นชื่อยินยอมไม่เอาความบริษัทด้วย ตนจึงตัดสินใจไม่เดินทางไปรับเงินคืน

ขณะที่ น.ส.สุภา(สงวนนามสกุล)ผู้เสียหายอีกรายเปิดเผยว่า ผู้เสียหายจะกระจายไปตามกลุ่มของแต่ละประเทศที่ไป อย่างประเทศโปแลนด์ ผู้เสียหายรวมแล้ว 17 คน ที่ตัดสินใจทำวีซ่าไปประเทศโปแลนด์ รวมมูลค่าความเสียหายต่อคนคือ 135,000 บาท รวมทั้งหมด 17 คน 2,295,000 บาท

โดยทางบริษัทได้ให้ผู้เสียหาย จ่ายเงินก้อนแรกก่อน 50,000 บาท และหากวีซ่าออกแล้วต้องจ่ายเพิ่มอีก 50,000 บาท และขณะที่ไปเซ็นสัญญา ต้องจ่ายเพิ่มอีก 40,00-50,000 บาท ซึ่งการจ่ายเงินไม่สามารถใช้ญาติค้ำประกันได้ ต้องใช้เงินสด หรือเอาที่ดินมาจำนองเท่านั้น ซึ่งเป็นการพูดไม่ตรงกับการแจ้งในไลน์

ขณะที่มีผู้เสียหายบางรายยอมจ่ายเพราะอยากไปทำงาน เมื่อจ่ายแล้วต้องไปอบรม สแกนนิ้ว และทำการยื่นผลขอวีซ่า แต่เมื่อประกาศผลปรากฎว่าวีซ่าไม่ผ่าน ผู้เสียหายจึงติดต่อขอคืนเงิน แต่ทางบริษัทกลับไม่คืน มีการบ่ายเบี่ยง อ้างว่าไม่ใช่ความผิดของบริษัท มันขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสถานทูต ทั้งที่ก่อนหน้านี้แจ้งวีซ่าผ่านแน่นอน 99% และว่าหากวีซ่าไม่ผ่านจะคืนเงินให้ 30% โดยผู้เสียหายบางรายตกงาน หรืออกจากงาน และไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อจะนำเงินไปทำงานในต่างประเทศ แต่เมื่อบริษัทไม่ยอมจ่ายคืน ทำให้ผู้เสียหายหลายรายก็เดือดร้อนเคยมีคนได้ไปประเทศฝรั่งเศสกับบริษัทดังกล่าว แต่ไปแบบวีซ่าท่องเที่ยว และแจ้งว่าจะหางานให้ แต่เมื่อไปถึงที่ฝรั่งเศส บริษัทกลับอ้างว่าเจ้าของบริษัทไม่อยู่ จนสุดท้ายผู้เสียหายก็ต้องไปหางานทำเอง ส่วนตัวนั้นเสียหายไม่มากเพราะตนเชื่อมั่นในบริษัทดังกล่าวเพียง 50% จึงขอทยอยผ่อนจ่าย จนวันหนึ่งไปเจอคอมเมนต์ในไลฟ์ติ๊กต็อกต่อว่า ตนจึงได้ไปสอบถามข้อมูลเจ้าของคอมเมนต์ดังกล่าวก็พบว่าถูกโกงตนจึงงดจ่ายเงินไป


ผู้เสียหายบางคนได้มีการไปแจ้งความแล้ว และได้มีการไกล่เกลี่ยจ่ายค่าเสียหายคืน จึงเกิดการประนีประนอมยอมความ และบริษัทดังกล่าวไม่ได้รับโทษสักครั้ง
ทั้งนี้บริษัทดังกล่าวทำเป็นครอบครัว เปิดมายาวนาน มีทั้งหมด 3 สาขา ในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และ ชัยภูมิ โดยทางเฟซบุ๊กมีการไลฟ์ตลอด อัพเดทข้อมูลตลอดจึงมีความน่าเชื่อถือ ไม่น่าจะหลอกลวง

ผู้เสียหายมองว่าสิ่งที่ทำอยู่ในผิดกฎหมาย แม้จะเปิดมานานแต่ทำรูปแบบทำวีซ่าพาทัวร์ แต่วีซ่าทำงานต่างประเทศนั้นบริษัทเพิ่งทำ แต่ในใบอนุญาตของบริษัทนั้นไม่สามารถทำได้
ซึ่งในเพจแจ้งตลอดว่ากำลังทำใบอนุญาตให้ถูกต้อง งั้นแสดงว่าสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้มันผิดเพราะยังไม่มีใบอนุญาต และขณะนี้ทางบริษัทก็ได้แสดงใบอนุญาตรับทำวีซ่าทำงานต่างประเทศแล้ว แต่ผู้เสียหายทุกคนก็ไม่รู้ว่าเก็บใบอนุญาตจริงหรือไม่

ทั้งนี้ผู้เสียหายที่เดินทางมาวันนี้ประมาณ 14 คน ซึ่งรวมมูลค่าความเสียหายกว่าล้านบาท

ด้าน จ่าคิงส์ แตงทิมสะพานใหม่ เผยว่า เบื้องต้นจะพาผู้เสียหายไปแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทเพราะมีการหลอกลวงคนทั้งประเทศ และฝากทางกระทรวงแรงงานตรวจสอบว่าบริษัทดังกล่าวมีใบอนุญาตถูกกฎหมายหรือไม่ก่อนจะพากลุ่มผู้เสียหายเข้าพบและแจ้งความพนักงานสอบสวน บก.ปคม.แจ้งความดำเนินคดีบริษัทดังกล่าวต่อไป

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts