วันนี้ (15 พ.ค 68) เวลา 10.00 น. ที่บริเวณด้านหน้าแดนเนรมิตรเก่า ริมฟุตบาท นายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรือ อี้ แทนคุณ ประธานชมรมสันติประชาธรรม พาผู้เสียหายกว่า 50 ราย เข้าเเจ้บความที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) หลังถูกบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง อ้างขายบ้านที่ประมูลมาจากกรมบังคับคดี แต่กลับมีหมายหมายบังคับคดีให้ออกจากบ้านที่ตัวเองกำลังผ่อนอยู่ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท
นายแทนคุณ กล่าวว่า วันนี้พากลุ่มผู้เสียหายจากกรณีผ่อนบ้านกับบริษัท Easy โฮม ที่เป็นบริษัทเกี่ยวกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้มาจากการประมูลจากกรมบังคับคดีแบบ แล้วนำมาขายต่อให้กับคนที่ไม่สามารถที่จะไปกู้เงินกับทางสถาบันการเงินต่างๆ โดยใช้วิธีการโฆษณา โดยใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งมีผู้เสียหายบางส่วนที่เริ่มมีการผ่อนกับบริษัทดังกล่าวไปได้สักระยะก็ทวงถาม กรรมสิทธิ์ในการครอบครองที่ดินจากบริษัท กลับพบว่าไม่มี และยังพบอีกว่าบ้านหลายหลังก็ไม่ได้มีการถอนมาจากกรมบังคับคดี ซ้ำร้ายยังมีผู้เสียหายบางรายถูกหมายบังคับคดีให้ออกจากบ้านที่ตัวเองกำลังผ่อนกับบริษัทอยู่ พอมีการไปเจรจากับบริษัทก็มีข้ออ้างต่างๆนาๆ
ผู้เสียหายจึงได้มีการไปร้องเรียนหน่วยงานต่างๆเช่นสภาองค์กรของผู้บริโภคซึ่งได้มีการเข้ามาช่วยต่อสู้คดีให้ จนมีการให้ระงับการค่าผ่อนทั้งหมดเเล้ว เเต่มีผู้เสียรายหนึ่งหลังจากมีการระงับการค่าผ่อนทั้งหมดผู้เสียหานรายนี้ ก็ถูก ก่อกวนโดยมีรถยนต์มาจอดขวางทางเข้าบ้านทำให้ไม่สะดวกต่อการออกจากบ้านได้ พอได้มีการพูดคุยกับเจ้าของรถกลับอ้างว่า ตัวเองก็เป็นเจ้าของ กรรมสิทธิ์ของบ้านหลังนี้ จึงได้มีการพูดคุยกับบริษัทแต่ทางนั้นกลับตอบว่า ถ้าหากผู้เสียหายไม่ยอมผ่อนบ้านต่อบ้านหลังนี้จะกลายเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของบ้านอีกคน
นาง ชยานันต์ บุญศรี อายุ44 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ ตนได้ค้นหาข้อมูลเว็บไซต์เกี่ยวกับบ้าน และเป็นสถานที่ที่ตนอยากได้จึงเข้าไปทำสัญญากับบริษัทดังกล่าว และแน่ใจแล้วว่าเขาจะไม่โกง และตนก็ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งเมื่อวันที่ 6 เดือนพฤษภาคม เวลา14.00 น. ที่ผ่านมา มีชายสูงอายุท่าน 1 นำรถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีขาว มาจอดขวางหน้าบ้าน แล้วก็กลับไป ตนจึงได้ไปแจ้งความ ตำรวจจึงให้โทรเคลียร์กับบุคคลดังกล่าว ซึ่งเขาอ้างสิทธิว่าเป็นเจ้าของบ้านนี้เหมือนกัน จึงได้บอกตำรวจไปว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม ตำรวจเเจ้งว่าเป็นคดีแพ่ง ต้องไปฟ้องร้องกันเอง แต่เบื้องต้นตนอยากให้ตำรวจช่วยนำรถออกไปจากหน้าบ้านให้ก่อนเพราะตนมีลูกป่วยเป็นออทิสติกเวลาจะไปหาหมอค่อนข้างลำบาก ซึ่งปัจจุบันผ่านมา 10 วันแล้วรถคันดังกล่าวก็ยังจอดขวางอยู่หน้าบ้านเหมืินเดิมตำรวจก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ซึ่งตนได้ผ่อนบ้านหลังนี้ไป 5 แสนบาท และตนยังได้รับหมายมาที่บ้าน จึงรีบหยุดผ่อน เพราะว่าจะได้บ้านหรือไม่ยังไม่รู้ โดยหมายเขียนว่าบ้านหลังนี้ถูกกรมบังคับคดียึดไปแล้วรอขายทอดตลาด ไม่รู้จะต้องทำยังไงต่อ
นายเอ (นามสมมติ) ผู้เสียหายอีกราย เล่าว่า ตนจ่ายค่าดาวน์รวมผ่อนบ้านให้ทางบริษัทดังกล่าวไปแล้ว 1.3 ล้านบาท ซึ่งถ้าบริษัทไม่ไป ไปปลดหนี้จำนองให้ตนก็จะโดนดอกเบี้ยธนาคาร 1.5 ล้านบาท ซึ่งตนส่งผ่อนตรงเวลาตลอด เลยเกิดความสงสัยว่าทำไมบริษัทไม่ปลดหนี้จำนองให้สักที จึงได้ไปที่บริษัทเพื่อที่จะท้วงถามว่า ทำไมถึงไม่ปิดหนี้จำนองให้ เขากลับตอบกลับมาว่า บ้านหลังนี้เป็นของบริษัทจะปลดหนี้จำนองตอนไหนก็ได้ ตนจึงเกิดความสงสัยว่าคงโดนหลอกแน่ๆจึงหยุดผ่อนได้ 3 เดือน ต่อไปตนคงโดนฟ้องขับไล่เหมือนผู้เสียหายรายอื่น






