วันที่ 8 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากใครมีโอกาสขึ้นรถประจำทางปรับอากาศ ปอ.สาย 67 ที่วิ่งระหว่าง วัดเสมียนนารี กับ เซ็นทรัล พระราม 3 คันหมายเลข 8-55164 จะรู้สึกประหลาดใจที่เห็นเจ้านกกิ้งโครง หรือ นกเอี้ยงโครง บินไปบินมาจากด้านหน้ารถไปหลังรถ หรือยืนเกาะที่นั่งผู้โดยสาร พี่กระเป๋าผู้หญิงบอกว่า เจอลูกนกตัวนี้พลัดตกลงมาเสาไฟฟ้าแถวบ้าน เห็นปีกงอๆ อยู่บนพื้นดิน น่าจะหัก ด้วยความสงสารจึงเก็บมาเลี้ยงได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว ใช้น้ำมันรักษาทาปีกให้ ป้อนข้าวสุกให้กิน เขาชอบมาเล่นโทรศัพท์มือถือที่วางไว้บนที่นั่งผู้โดยสารเหมือนเด็กๆ ต้องคอยบอกว่า“อย่าไปรบกวนผู้โดยสารนะ เขาก็เชื่อฟังดีค่ะ”
จากข้อมูล ”วิกิพีเดีย“ระบุว่า นกกิ้งโครงคอดำเป็นนกที่มีรูปร่างอ้วนป้อมและ มีขนาดใหญ่กว่านกชนิดอื่นในวงศ์เดียวกัน มีขนาดความยาวประมาณ 27 เซนติเมตร ตัวผู้และตัวเมียมีลักษณะคล้ายกัน มีปากสีดำ หัวสีขาว มีหนังรอบตาสีเหลือง คอสีดำ ปีกและลำตัวด้านบนสีเท้ามีแถบสีขาวพาดขวาง 4-5 เส้น อก, ท้อง, ก้น, สะโพกและปลายหางสีขาว ในประเทศไทยพบได้แทบทุกภาคยกเว้นทางตอนใต้ของภาคใต้ ในต่างประเทศพบได้ในประเทศอินเดีย, พม่า, ลาว, เวียดนาม, กัมพูชา และภาคใต้ของจีน
นกกิ้งโครงคอดำเป็นนกที่กินเมล็ดพืชและธัญพืชเป็นอาหาร และกินสัตว์ขนาดเล็ก ๆ เช่น แมลงหรือสัตว์เลื้อยคลานได้ด้วย อาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง หากินตามพื้นดิน โดยมักส่งเสียงร้องเอะอะเสียงดังทั้งฝูงโดยเฉพาะเมื่อตกใจหรือเวลาถูกรบกวน เป็นนกที่อาศัยทั้งในท้องทุ่งหรือแหล่งเกษตรกรรม จนถึงชุมชนเมืองของมนุษย์ เช่น สวนสาธารณะต่าง ๆ นกที่อาศัยอยู่ในเมืองมีพฤติกรรม นำเอาเศษวัสดุตามกองขยะ เช่น กระดาษ หรือถุงพลาสติก มาสร้างรัง วางไข่คราวละ 2-6 ฟอง กกไข่นาน 15-17 วัน จึงฟักออกเป็นตัว โดยรังเป็นรังแบบปิดมีทางเข้าออกแค่ทางเดียว ลักษณะรังเป็นรูปโดมขนาดใหญ่แขวนตามต้นไม้ ซึ่งนกในชุมชนเมืองอาจจะทำหลังใต้หลังคาบ้านของมนุษย์มีฤดูผสมพันธุ์ในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน
นกกิ้งโครงคอดำเป็นหนึ่งของนกในวงศ์นี้ที่สามารถเลียนเสียงมนุษย์ได้ จึงมีการนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง และถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535










