วันที่ 26 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (25 มิถุนายน) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้นำหมายค้นของศาลอาญาเข้าตรวจค้นบริษัท SCT ซินเนอร์จี่คอมโมดิตี้ส์ เทรด จำกัด เลขที่ 99-101 ถนนเจริญกรุง แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ก่อนควบคุมตัว นายพิพัฒน์ และ นายอาศุพล สองในสามผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ มาสอบสวนที่กองบัญชาการ ตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมทั้งตรวจค้นและยึดเอกสารหลักฐานการทำธุรกรรมและข้อมูลลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับการซื้อ/ขาย/ฝากทองและเงิน
การเข้าตรวจค้นและจับกุมครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่มีผู้เสียหายจำนวนมากได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อดำเนินคดีกับบริษัท SCT ในข้อหาฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ เบื้องต้นมีผู้เสียหายกว่า 100 ราย และมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 600 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นร้านทองรายย่อย
บริษัท SCT ดำเนินธุรกิจมานานนับ 10 ปี แต่เพิ่งมาประสบปัญหาไม่สามารถซื้อทองคำหรือโอนเงินให้ลูกค้าได้เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผู้เสียหายเชื่อว่าผู้บริหารบางรายของบริษัทมีการวางแผนอย่างเป็นขั้นตอนและไร้ความรับผิดชอบ โดยความเสียหายเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 13-27 มีนาคม 2568 มีลักษณะแตกต่างกันไป
-ขายทองแต่ไม่ได้รับเงิน ผู้เสียหายส่งมอบทองให้กับบริษัทตามกำหนด แต่ถึงวันนัดรับเงินกลับไม่ได้รับการชำระ
-ถอนทองคำประกันไม่ได้ทองคำที่ฝากไว้เป็นหลักประกันไม่สามารถถอนคืนได้ โดยบริษัทอ้างว่าไม่มีทองคำให้
-นำทองเก่ารีไฟน์เป็นทองแท่งแต่ไม่ได้รับคืน เมื่อถึงวันนัดรับทองแท่งกลับไม่ได้รับทองคืน
กลุ่มผู้เสียหายได้รวมตัวกันและทราบภายหลังว่า บริษัท SCT ได้เริ่มไม่จ่ายเงินให้กับลูกค้ารายแรกมูลค่า 106 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2568 แต่บริษัทยังคงดำเนินการรับซื้อทองอย่างต่อเนื่อง โดยจูงใจให้ราคาสูงกว่าราคาตลาดและขอรับทองไปก่อน ทั้งที่ทราบดีว่าสถานะทางการเงินของบริษัทไม่สามารถชำระคืนลูกค้าได้ ที่น่าตกใจคือ แม้ SCT จะสามารถนำทองของผู้เสียหายไปขายให้กับโบรกเกอร์รายใหญ่และนำเงินมาชำระคืนได้ แต่ทางบริษัทกลับปฏิเสธว่าไม่มีเงินจ่ายคืน และบ่ายเบี่ยงเมื่อถูกขอทองคืนว่าทองไม่มีแล้ว
ลำดับเหตุการณ์สำคัญในคดี
31 มีนาคม 2568 ผู้เสียหายรวมตัวกันครั้งแรก หลังบริษัท SCT ซึ่งเป็นบริษัทค้าส่งทองคำรายหนึ่งของสมาคมค้าทองคำย่านวังบูรพา ประกาศปิดตัวชั่วคราว ก่อให้เกิดความเสียหายกว่า 400 ล้านบาทตามที่เป็นข่าว
18 เมษายน 2568 ผู้เสียหายรวมตัวพร้อมกับอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เพื่อขอให้อาจารย์ปานเทพเป็นตัวแทนผู้เสียหายในการออกสื่อเรียกร้องความยุติธรรม
ตลอดช่วงเดือนเมษายน-ปัจจุบัน บริษัท SCT ได้ติดต่อลูกค้าหลายรายให้เซ็นเอกสารไม่ดำเนินคดีทางแพ่งและอาญากับบริษัท โดยอ้างว่าจะโอนเงินคืน แต่เท่าที่กลุ่มผู้เสียหายทราบ เป็นเพียงการโอนคืนรายย่อยเพียงเล็กน้อย เสมือนเป็นการเยียวยาเพื่อสร้างหลักฐานว่าได้บรรเทาความเสียหาย เพื่อเปลี่ยนคดีอาญาเป็นคดีแพ่ง
อาจารย์ปานเทพและกลุ่มผู้เสียหายเชื่อว่าการกระทำของบริษัทมีเจตนาฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากมีการวางแผนอย่างเป็นขั้นตอน โดยตั้งใจวางแผน เร่งส่งทอง เชิญชวนซื้อทองด้วยโปรโมชั่นต่างๆ ก่อนจะปิดบริษัทไป
ข้อสังเกตของผู้เสียหายและแนวทางการดำเนินคดี
ผู้เสียหายตั้งข้อสังเกตต่อการบริหารงานของบริษัท SCT ว่ามีเจตนาเร่งรัดการส่งทอง แม้จะรู้ตัวว่าไม่สามารถจ่ายเงินและส่งคืนทองได้ แต่กลับมีเจตนาให้พนักงานโทรศัพท์ชวนเร่งส่งทองและส่งเงิน, บ่ายเบี่ยงการคืนเงินและทองหลังจากประกาศปิดบริษัท และตัดขาดการติดต่อกับลูกค้าบางรายที่มียอดหนี้สูงในเดือนพฤษภาคม
กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท SCT ทั้งสามคน ได้แก่ นายพิพัฒน์ (ร้านทองแสงมณี โคราช), นายอศุพล (ร้านทองมังกรคู่ ราชบุรี) และ นายนวคุณ (ร้านทองสมนึก นครปฐม) ได้อ้างว่าบริหารงานผิดพลาด แต่ผู้เสียหายไม่เชื่อว่าจะเป็นการบริหารงานผิดพลาดจนนำไปสู่การขาดสภาพคล่อง เนื่องจากทุกอย่างมีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายในการเอาผิดของผู้เสียหาย แต่การกระทำส่อไปในเจตนาให้ได้มาซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นโดยไม่สุจริต ซึ่งถือเป็นการจงใจในการกระทำผิด
ผู้เสียหายซึ่งประกอบอาชีพสุจริตได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก และเรียกร้องให้บริษัทออกมาชี้แจงต่อสาธารณชนว่าจะแก้ไขและรับผิดชอบอย่างไร เนื่องจากไม่สามารถติดต่อทีมบริหารและคณะกรรมการของบริษัทได้เลย
สำหรับการดำเนินคดี หลังจากผู้เสียหายแห่แจ้งความที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ได้เซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนทำคดีนี้ ประกอบด้วยพนักงานสอบสวนจาก บก.ป. บก.ปอศ. และ บก.ปคบ. โดยมี พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน รอง ผบช.ก. เป็นหัวหน้าคณะฯ ได้รวบรวมพยานหลักฐานก่อนจะขอหมายค้นศาลอาญาเข้าตรวจค้นและควบคุมตัวกรรมการบริษัท SCT ทั้งสองรายเมื่อวานนี้ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย และแถลงข่าวให้สาธารณะชนทราบต่อไป









