วันจันทร์, มิถุนายน 30, 2025
หน้าแรกอาชญากรรม"แก๊งควาย" อาละวาดพัทลุง! หลอกเงินเกษียณคนชรา ตำรวจไร้น้ำยา? ผู้เสียหายรวมตัวร้องกองปราบฯ หลังคดีไม่คืบหน้า

Related Posts

“แก๊งควาย” อาละวาดพัทลุง! หลอกเงินเกษียณคนชรา ตำรวจไร้น้ำยา? ผู้เสียหายรวมตัวร้องกองปราบฯ หลังคดีไม่คืบหน้า

“แก๊งควาย” กลุ่มมิจฉาชีพที่ตำรวจพัทลุงตั้งชื่อให้ กำลังสร้างความเดือดร้อนอย่างหนักในจังหวัดพัทลุงและพื้นที่ใกล้เคียง โดยพุ่งเป้าไปที่กลุ่มผู้สูงอายุที่เกษียณอายุราชการ แม้จะมีผู้เสียหายจำนวนมาก แต่คดีความกลับไม่มีความคืบหน้า ทำให้เกิดคำถามถึงประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 30 มิ.ย.68 ที่บริเวณหน้าแดนเนรมิตเก่า ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กทม. จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ อดีต สห.ทอ. ได้พาตัวแทนผู้เสียหาย 5 คน จากทั้งหมด 10 คน ซึ่งเป็นชาวจังหวัดพัทลุง เข้าร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังพยายามแจ้งความกับตำรวจท้องที่มานานแต่คดีไม่คืบหน้า บางรายถึงขั้นฟ้องร้องต่อศาลเอง แม้จะมีคำพิพากษาให้จำคุกและชดใช้ค่าเสียหาย แต่ก็ได้รับเงินคืนมาเพียงเล็กน้อย

เปิดโปงกลโกง “แก๊งควาย” นายสว่าง อายุ 82 ปี อดีตผู้คุมเรือนจำพัทลุง หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อเดือนกันยายน 2565 นางนิตยาและนางศรีสุดาได้ติดต่อตนเพื่อเสนอขายที่ดินที่อ้างว่าเป็นของนายอภินันท์ โดยพาตนไปดูที่ดินแห่งหนึ่งในตำบลชัยบุรี อำเภอเมืองพัทลุง เนื้อที่ประมาณ 5 ไร่เศษ ซึ่งตนเห็นว่าเป็นที่นาทำเลดีและมีราคาสูงในอำเภอเมือง โดยนายอภินันท์และนางศรีสุดาเป็นผู้ชี้แปลงที่ดินและแนวเขต ซึ่งภายหลังตนมาทราบว่ามีการนำหลักหมุดที่ดินปลอมมาปักไว้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ตนจึงตกลงซื้อที่ดินดังกล่าวในราคา 400,000 บาท นอกจากนี้ยังมีที่ดินแปลงอื่นๆ อีก 4 แปลง กระจายอยู่ใน 3 อำเภอของจังหวัดพัทลุง ซึ่งใช้วิธีการเดียวกันในการหลอกลวง ทำให้ตนซื้อที่ดินไปรวมเป็นเงินกว่า 5 ล้านบาท โดยมีการโอนเงินค่าที่ดินกันที่สำนักงานที่ดินจังหวัดพัทลุง

หลังจากนั้น นายอภินันท์กลับออกอุบายขอซื้อที่ดินคืน โดยทำหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายหรือสัญญาวางเงินมัดจำไว้บางส่วน สัญญาว่าจะรีบมาซื้อคืน บางแปลงก็ขอเงินเพิ่มอ้างว่าขายต่ำกว่าราคาที่ดินจริง นายอภินันท์ได้ติดต่อมาเพื่อขอเงินเพิ่มอีกหลายครั้ง จนกระทั่งวันที่ 8 กันยายน 2565 ตนเกิดความสงสัยจึงไปดูที่ดินที่ซื้อไว้ ปรากฏว่าไม่พบหลักหมุดที่เคยปักไว้ เมื่อสอบถามชาวบ้านแถวนั้น ทราบว่าที่ดินที่นายอภินันท์นำมาชี้และอ้างว่าเป็นที่ดินตามโฉนดนั้น แท้จริงแล้วไม่ใช่ที่ดินตามโฉนดดังกล่าว แต่เป็นที่ดินแห่งอื่นที่มีสภาพน้ำท่วมขังเป็นบ่อๆ และมีคนอื่นถูกกลุ่มบุคคลนี้หลอกพามาดูขายที่ดินอื่นจำนวนหลายรายแล้ว

นายสว่าง ระบุว่า ตนได้แจ้งความตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง สภ.ควนขนุน และ สภ.ป่าบอน ตั้งแต่ปี 2565 แต่ไม่มีความคืบหน้า ที่ดินบางแปลงตนได้ยื่นฟ้องศาลเป็นคดีอนาถา จนศาลตัดสินให้จำเลยติดคุก 4 ปี และชดใช้เงินคืน แต่ปรากฏว่าเขาประกันตัว และขอผ่อนชำระ ได้เงินคืนมาประมาณ 1.3 แสนบาท จากทั้งหมดกว่า 5 ล้านบาท

นางสมสกุล (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี ผู้เสียหายอีกรายของ “แก๊งควาย” เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับคนในกลุ่มนี้เมื่อปี 2567 และถูกขอให้ช่วยหาเงินกู้นอกระบบให้ 1 ล้านบาท โดยยอมเสียดอกเบี้ยเดือนละ 1 หมื่นบาท พร้อมนำโฉนดที่ดินมาค้ำประกัน ซึ่งภายหลังทราบว่ามีการปลอมลายเซ็นเจ้าของที่ดิน แต่เมื่อได้เงินไปแล้ว กลุ่มมิจฉาชีพทยอยผ่อนคืนเพียงหลักหมื่น หลังจากนั้นก็ไม่ยอมส่งเงินค่างวดอีก ทำให้ตนต้องแบกรับภาระใช้หนี้แทน

บรรดาผู้เสียหายซึ่งไม่รู้จักกันมาก่อน เมื่อพยายามไปแจ้งความ มักจะโดนตำรวจแนะนำว่า “อย่าแจ้งเลย เป็นคดีแพ่งบ้าง” บางรายก็โดนเรียกค่าใช้จ่ายในการทำคดี หรืออ้างว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้ที่แบ่งงานกันทำร่วมกันก่อเหตุต้มตุ๋นชาวบ้านในพัทลุงมานับสิบปี ไม่มีใครทำอะไรเขาได้ จนตำรวจพัทลุงตั้งชื่อให้เป็น “แก๊งควาย”

จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ เผยว่า พฤติกรรมของ “แก๊งควาย” นอกจากร่วมกันต้มตุ๋นชาวบ้านด้วยวิธีการซับซ้อน นอกจากนี้ยังมีการคนมาข่มขู่คุกคาม ขับรถวนเวียนรอบบ้านผู้เสียหาย และยังแอบอ้างว่ามีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คอยให้ความช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง ทำให้ผู้เสียหายหลายคนเกิดความหวาดกลัว

กลโกงที่แก๊งนี้ใช้คือการนำโฉนดที่ดินปลอม หรือใช้หลักหมุดปลอมมาหลอกขายที่ดิน โดยทำตามขั้นตอนกฎหมายอย่างแนบเนียนจนยากที่จะจับผิดได้ ที่น่าเป็นห่วงคือ มีชาวบ้านหลายรายถูกแก๊งนี้ข่มขู่ว่าหากไปแจ้งความจะถูกสามีซึ่งเป็นตำรวจจับเข้าคุก ทำให้ผู้สูงอายุที่เป็นเหยื่อหวาดกลัวและไม่กล้าดำเนินการตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีการใช้เอกสารปลอมแปลงเพื่อหลอกลวงอีกด้วย
ข้อสงสัยที่ยังคงค้างคาใจชาวบ้านคือ เหตุใดเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยังไม่สามารถดำเนินการกับแก๊งนี้ได้อย่างเด็ดขาด ทั้งที่พฤติกรรมฉ้อโกงดำเนินมาอย่างต่อเนื่องนานนับ 10 ปี มีการจับกุมแต่ก็มักจะถูกปล่อยตัวไปทุกครั้ง หนำซ้ำแก๊งนี้ยังคงท้าทายผู้เสียหายว่า “แจ้งความไปก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะมีคนใหญ่คนโตคอยช่วยเหลือ”

วันนี้ผู้เสียหายทั้งหมดจึงได้มาร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เพื่อหวังให้คดีมีความคืบหน้าและนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษตามกฎหมายต่อไป

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts