เทป พันตำรวจเอก ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผู้กำกับการ สถานีตำรวจนครบาลเพชรเกษม เผยถึงความคืบหน้า กรณีคนร้ายบุกเข้ามาลักทรัพย์ เงิน 10 ล้านบาท และทองคำ 250 บาท ภายในกุฏิของ เจ้าอาวาสวัดม่วง ภายในซอยเพชรเกษม 63 เขตบางแค กรุงเทพฯ ว่า คดีนี้ ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานไปแล้ว 6-7 ปาก ประกอบด้วย เจ้าอาวาสวัดม่วง, คนใกล้ชิด, พระลูกวัด และร้านทอง ขณะเดียวกันฝ่ายสืบสวน อยู่ระหว่างการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในจุดต่างๆขณะนี้อยู่ระหว่างเร่ง สืบสวนเร่งคลี่คลายคดี เพราะทุกคน ที่เกี่ยวข้อง สามารถเป็นคนร้ายได้ โดยเมื่อคืนนี้ ทางตำรวจ ได้ประชุมชุดคณะทำงานอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าคดีนี้ จะใช้เวลาไม่นานในการคลี่คลายคดี เพื่อติดตามเงินและทองคำ ที่หายไป กลับมาได้โดยเร็ว
ในส่วนของ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ ก็ได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบเส้นทางการเงิน ร่วมกัน สำนักงานพระพุทธศาสนา ว่าเงินของวัดมีจำนวนเท่าไหร่ และเป็นเงิน ที่เจ้าอาวาส อ้างว่าเป็นเงินส่วนตัวจริงหรือไม่
ทั้งนี้ทางตำรวจ ได้ตรวจสอบ กรณีดังกล่าวยืนยันว่า เจ้าอาวาสวัดม่วงมีการเบิกเงิน จากบัญชีธนาคารและนำไปซื้อทองจริง ครั้งหลังสุด เบิกเงินมาจำนวน 10 ล้านบาท โดยนำเงินใส่กระเป๋าเดินทางขนาด 20 นิ้ว และวางไว้ที่กุฎิ จนเป็นเหตุให้เงินและทองดังกล่าวหายไป
ความคืบหน้าคดีเงิน 10 ล้านบาทและทองคำน้ำหนัก 250 บาท หายไปจากกุฏิของพระราชวัชรพัฒนาทร เจ้าอาวาสวัดม่วงอย่างเป็นปริศนา ทำให้สังคมสงสัยถึงที่มาของเงินจำนวนมาก บก.ปปป.จึงเข้าไปตรวจสอบที่มาของเงิน ล่าสุดพลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่าเมื่อวานนี้ที่ บก.ปปป. เข้าตรวจค้นวัดม่วง ซึ่งตอนแรกเจ้าอาวาสก็ไม่ให้ความร่วมมือ จนตำรวจต้องกดดัน สุดท้ายเจ้าอาวาสจึงได้ยอมมอบบัญชีธนาคารส่วนตัว 2 บัญชีให้กับตำรวจ โดยบัญชีแรกเคยมีเงินอยู่ 13 ล้านบาท ก่อนที่เจ้าอาวาสจะถอนออกไปช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จำนวน 10 ล้านบาท ทำให้เหลือเงินในบัญชีคงเหลือ 3 ล้านบาท ส่วนอีกบัญชีเคยมีเงิน 10 ล้านบาท ถูกถอนออกไปหมดบัญชีเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จึงไม่มียอดเงินคงเหลือในบัญชีนี้แล้ว ซึ่งเจ้าอาวาสอ้างว่าเป็นเงินส่วนตัวที่สะสมตั้งแต่บวชเมื่อปี 2516 แต่บัญชีธนาคารดังกล่าวเพิ่งเปิด ทำให้ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ และขอรอตรวจสอบที่มาของเงินก่อน โดยต้องนำไปเปรียบเทียบกับบัญชีของวัด ยังไม่พบข้อมูลการโอนจากบัญชีวัดเข้าบัญชีส่วนตัวเจ้าอาวาสโดยตรง
อย่างไรก็ตามบัญชีของวัด อยู่ระหว่างรอไวยาวัจกรส่งมอบ เพราะเป็นคนถือบัญชีวัดแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งจากการลงพื้นที่ที่ผ่านมา ตำรวจยังไม่พบตัวไวยาวัจกร แต่ตำรวจก็ต้องประสานงานเพื่อให้ได้บัญชีมาให้ได้ เพราะถือว่าเป็นคีย์สำคัญที่จะใช้ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินว่ามีความปกติ หรือมีเงินจากบัญชีของวัดไหลเข้าบัญชีส่วนตัวของเจ้าอาวาสหรือไม่ หรือเงินถูกนำไปใช้ทำอะไร
ส่วนกรณีพระนิทัศน์ อดีตคนสนิทของเจ้าอาวาสวัดม่วง ที่ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ ว่าทราบที่มาของเงินนั้น พระนิทัศน์ก็สามารถมาร้องทุกข์และเข้าให้กับข้อมูลกับ บก.ปปป. ได้เลย เดี๋ยวตำรวจก็จะรับเรื่องไว้ตรวจสอบ หรือจะให้ตำรวจไปสอบปากคำที่วัดก็ได้ เพียงขอให้มีข้อมูลและพยานหลักฐานที่ตำรวจจะสามารถตรวจสอบได้











