เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 7 สิงหาคม 2568 พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ท.อิทธิพร โพธิ์ทอง ผทค.พิเศษ ตร.รรท.รอง ผบช.ก.2 พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจจภธรภาค 2 พล.ต.ต.ภูมินทร์ สิงหลุต ผู้บังคับการตำรวจฎรรจังหวัดระยอง แถลง ตำรวจสืบภาค 2 ร่วมกับ
ตำรวจ สภ.เมืองระยอง ร่วมทลาย เครือข่ายคนจีนทำผิดกฎหมาย ตั้งแก๊งอาชญากร “ส่งด่วน” ยัดเยียดให้ซื้อสินค้า โดยส่งพัสดสินค้าออนไลน์ถึงบ้านทั้งที่ไม่มีการสั่งซื้อจริง
แล้วหลอกเก็บเงินปลายทาง โดยสินค้าส่วนใหญ่ไร้คุณภาพ เหยื่อบางรายได้รับของที่ใช้แล้ว ตรวจสอบพบว่า ในช่วงเวลา 4 เดือน มกราคม – เมษายน 2568
แก๊งนี้ส่งสินค้าออนไลน์หลอกเก็บเงินปลายทางไปทั่วประเทศแล้วกว่า 120,000 ครั้ง หากส่งสำเร็จทั้งหมดจะมีมูลค่าความเสียหายรวม กว่า 43 ล้านบาท
ทั้งนี้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ร่วม ขบวนการ 7 คน จับกมได้แล้ว 6 คน เป็นชาวจีน 2 คน เป็นเจ้าของ ผู้สังการ รับผลประโยชน์ และคนไทยร่วมทำผิดอีก 4 คน
ผบช..ก.2 กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นการสืบสวนสอบสวนขยายผลจากการตรวจค้นโกดังแห่งหนึ่งใน อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2568 ตำรวจสืบภาค 2 ร่วมกับ สภ.เมืองระยอง และฝ่ายปาครองจังหวัดระยอง ได้เข้าตรวจค้น โกดังพบของกลางสำคัญจำนวนมาก อาทิ รถบรรรทุก เครื่องแพ็กสินค้า กระสอบพัสดตีกลับ กระสอบพัสตรอจัดส่ง สติ๊กเกฮร์ LABEL ของบริษัทขนส่งรายใหญ่ ระบุชื่อผู้ส่ง – ผู้รับ พร้อมได้จับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายซึ่งได้ลักลอบทำงานงานอยู่ในสถานที่ดังกล่าวจำนวน 3 ราย จากนั้นตำรวจฎธรภาค 2 ขยขยายผลต่อพบว่า โกดังแห่งนี้เป็นศูนย์กลางกระจายสินค้า ของแก๊งอาชญากรส่งพัสดุสินค้า
เช่น รองเท้า, ยาสีฟัน, เสื้อผ้า ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าไม่ได้คุณภาพ ส่งไปยังประชาชนทั่วประเทศ ทั้งที่ไม่มีการสั่งซื้อจริง โดยแอบอ้างชื่อผู้รับจากฐานข้อมูลลูกค้าเดิม และใช้บริการจัดส่งแบบเก็บเงินปลายทาง หรือ Cash On Deliverly (COD) สร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชน ใช้เล่ห์กลโดยส่งสินค้าราคาไม่สงอยู่ในหลักร้อยทำให้เหยื่อหลงเชื่อและชำระเงินค่าพัสดุโดยง่าย รวมความเสียหายตั้งแต่ 1 มกราคม ถึง 19 เมษายน 2568 ส่งของสำเร็จมีเหยื่อยอมจ่ายเงิน รวม 12,740 ครั้ง
มูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท จากความพยายามในการส่งของไปยังประชาชนทั่วประเทศกว่า 120,000 ครั้ง พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า
จากการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานนำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง
รวม 7 ราย ได้แก่
1.นายหยัง สัญชาติจีน ทำหน้าที่ ผู้สั่งการ, ผู้รับผลประโยชน์
2.นายหวัง สัญชาติจีน เป็นผู้รับผลประโยชน์
3.นางหยาง สัญชาติจีน เป็นผู้รับผลประโยชน์
4.นางสาวกรรฌิภาฯ สัญชาติไทย ทำหน้าที่เปิดสัญญาขนส่งสิงสินค้า VIP
5.นางสาวอภิรญาฯ สัญชาติไทย ทำหน้าที่เปิดสัญญาขนส่งสินค้า VP
6.นางสาววณิกรณ์ฯ สัญชาติไทย ทำหน้าที่ควบคุมการแพ็กสินค้า
7.นางเนตรนภาฯ สัญชาติไทย ทำหน้าที่ ล่ามแปลภาษาถ่ายทอดคำสั่งของนายหยัง
ตำรวจภูธรภาค 2 ติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 6 ราย ทั้งผู้สั่งการ ผู้รับผลประโยชน์ และผู้ร่วมขบวนการ ดำเนินคดี ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ส่วน นางหยาง
ขณะนี้อยู่ระหว่างการออก หมายแดง หรือ Red Notice โดยจะประสานกับ หน่วยงานระหว่างประเทศเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ผบช.ภ.2 กล่าวย้ำว่า
ปัจจุบันมิจฉาชีพเปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้ช่องโหว่ของระบบ “เก็บเงินปลายทาง” ทำให้ประชาชนจำนวนมากหลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อ
ดังนั้นขอย้ำเตือนให้ประชาชนตรวจสอบทุกครั้งก่อน รับพัสดุ โดยเฉพาะหากไม่ได้สั่งซื้อของจากที่ใด อย่ารับ อย่าจ่ายเด็ดขาด และอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนร้ายไม่เกรงกลัว
เพราะ มูลค่าความเสียหายของเหยื่อแต่ละรายเพียงหลักร้อย ทำให้เหยื่อไม่อยากแจ้งความ อาชญากรเหล่านี้ได้ใจ ก่อเหตุซ้ำ ๆ ดังนั้น
ขอประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนหากเกิดเหตุเช่นนี้ พบสิ่งผิดปกติสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สถานีตำรวจทุกแห่ง หรือโทร 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง “ตำรวจภูธรภาค 2 จะไม่ยอมให้พื้นที่ของเราถูกใช้เป็นแหล่งก่ออาชญากรรม หรือเป็นที่มั่วสุมของมิจฉาชีพ พร้อม เดินหน้าปราบปรามและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทุกระดับอย่างเด็ดขาด เพื่อให้ประชนในพื้นที่มีความปลอดภัยในชีวิตและ ทรัพย์สิน เชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ” พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าว
เชื่อมั่น ศรัทธา มืออาชีพ “Be Trusted, Be Respected, Be Professional”
ตำรวจภูธรภาค 2