
ตํารวจท่องเที่ยวนําหมายศาลบุกรวบจีนเป็นแรงงานเถื่อน คาบริษทั ใหญ่ในนิคมฯ อมตะซิตี้ เนื่องในปัจจุบันประเทศไทยนั้นกําลังประสบปัญหาคนต่างด้าวที่ลักลอบประกอบกิจการ ทํางานโดยผิด กฎหมายและมีการก่ออาชญากรรมข้ามชาติประเภทต่างๆ กองบัญชาการตํารวจท่องเที่ยว
ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติและภายใต้อํานวยการของ พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ํา ผู้บัญชาการตํารวจท่องเที่ยว
ได้มีคําสั่งให้เจ้าหน้าที่ตํารวจท่องเที่ยวทําการตรวจสอบ กวดขัน สืบสวนจับกุม บุคคลต่างด้าวที่กระทําความผิด เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม สํานักงานตํารวจแห่งชาติจึงได้มีคําสั่ง จัดตั้ง “ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย (ศปชก.ตร.)” และได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดําเนินการเร่งรัดสืบสวนจับกุมคนต่างด้าวที่มีหมายจับ การลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดย ผิดกฎหมาย หรือการกระทําความผิดอื่นใดที่เกี่ยวข้อง โดยได้กําหนดให้มีการ ระดมกวาดล้างฯ ทั่วประเทศ
ระหว่างวันที่ 4 – 8 สิงหาคม 2568 กองบัญชาการตํารวจท่องเที่ยวภายใต้การอํานวยการของ พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ํา ผบช.ทท., พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง,
พล.ต.ต.กฤษณ์ วาฤทธิ์, พล.ต.ต.มล.สันธิกร วรวรรณ รอง ผบช.ทท, พ.ต.อ.แมน รถทอง ผกก.สืบสวน.บช.ทท, พ.ต.ท.เจษฎา ทองทา, พ.ต.ท.ปิยะพงษ์รักษา รอง ผกก.สืบสวน
บช.ทท, สั่งการให้ พ.ต.ท.กฤตพร แสงสุระ สว.กก.สืบสวน บช.ทท, ร.ต.อ.ภัทรพล ชูชื่อ, ร.ต.อ.วรินทร์ศรี มนัสรัตน์รอง สว.กก.สืบสวน บช.ทท พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตํารวจชุดสืบสวนกองบัญชาการตํารวจท่องเที่ยว ได้จับกุมผู้ต้องหาจํานวน 18 ราย ( จีน 8 ราย ,เมียนมาร์10 ราย ) โดยทุกรายใช้วีซ่า นักท่องเที่ยว
ผู้ต้องหาสัญชาติเมียนมาร์ (10 ราย)
1. นายออง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ33 ปีสัญชาติเมียนมาร์
2. นายซี(ขอสงวนนามสกุล) อายุ41 ปีสัญชาติเมียนมาร์
3. นาย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ35 ปีสัญชาติเมียนมาร์
4. นายแคน (ขอสงวนนามสกุล) อายุ20 ปี สัญชาติเมียนมาร์
5. นายนาเม (ขอสงวนนามสกุล) อายุ23 ปีสัญชาติเมียนมาร์
6. นายอัง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ33 ปีสัญชาติเมียนมาร์
7. นายทัน (ขอสงวนนามสกุล) อายุ38 ปีสัญชาติเมียนมาร์
8. นายไซ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ25 ปีสัญชาติเมียนมาร์
9. นายหมิว (ขอสงวนนามสกุล) อายุ49 ปีสัญชาติเมียนมาร์
10. นายกัน (ขอสงวนนามสกุล) อายุ36 ปีสัญชาติเมียนมาร์
ผู้ต้องหาสัญชาติจีน (8 ราย)
1.Mr. QIPING (ขอสงวนนามสกุล) อายุ36 ปีสัญชาติจีน
2.Mr. ZONGPING (ขอสงวนนามสกุล) อายุ58 ปีสัญชาติจีน
3.Mr. ZHONG (ขอสงวนนามสกุล) อายุ57 ปีสัญชาติจีน
4.Mr. BAOHUA (ขอสงวนนามสกุล) อายุ46 ปีสัญชาติจีน
5.Mr. BIN (ขอสงวนนามสกุล) อายุ46 ปีสัญชาติจีน
6.Mr. RUQING (ขอสงวนนามสกุล) อายุ32 ปีสัญชาติจีน
7.Mr. CHENGCAI (ขอสงวนนามสกุล) อายุ32 ปีสัญชาติจีน
8.Mr. BANGSAI (ขอสงวนนามสกุล) อายุ33 ปีสัญชาติจีน
พฤติการณ์การจับกุม ตามนโยบายและคําสั่งของผู้บังคับบัญชาให้ดําเนินการตรวจสอบและจับกุมแรงงานต่าง ด้าวที่ลักลอบทํางานโดยผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุมจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานอย่างต่อเนื่อง จนมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทําความผิดเกิดขึ้น ณ โครงการภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้จังหวัดระยอง
จึงได้ยื่นคําร้องจนศาลจังหวัดระยองอนุมัติหมายค้น ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นํา หมายค้นศาลจังหวัดระยอง ที่ 133/2568 เข้าตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้จังหวัดระยอง โดยได้แสดงหมายค้นต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและผู้ควบคุมแรงงานชาวไทยซึ่งเป็นผู้ดูแลสถานที่ จากการตรวจค้น พบกลุ่มบุคคลต่างด้าวกําลัง
ทํางานก่อสร้างอยู่ และเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ กลุ่มคนงานดังกล่าวได้ พยายามวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ารกทึบบริเวณใกล้เคียง แต่เจ้าหน้าที่สามารถติดตามและควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้
ได้ทั้งหมด 18 ราย จําแนกเป็น สัญชาติจีน 8 ราย และ สัญชาติเมียนมาร์10 ราย จากการตรวจสอบ
เบื้องต้น ณ ที่เกิดเหตุผู้ถูกจับกุมทั้งหมดไม่สามารถนําใบอนุญาตทํางานมาแสดงได้และไม่สามารถสื่อสาร ภาษาไทยได้เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานล่ามเพื่อช่วยเหลือในการสื่อสาร และได้แจ้งข้อกล่าวหาดังนี้ผู้ต้องหาสัญชาติจีนทั้ง 8 ราย ถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าวทํางานโดยไม่มีใบอนุญาตทํางาน” ผู้ต้องหาสัญชาติเมียนมาร์ทั้ง 10 ราย ถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ ได้รับอนุญาต” และ “เป็นคนต่างด้าวทํางานโดยไม่มีใบอนุญาตทํางาน”เจ้าหน้าที่ได้แจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ผู้ ถูกจับกุมทั้งหมดทราบ จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดนําส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปลวกแดง เพื่อดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
หากประชาชนท่านใด พบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับกรกระทําความผิด สามารณข้าไปเจ้งความได้ที่ www.Thaipoliceonline.com หรือ แอปพลิเคชั่น Tourist Police i tert u หรือสายด่วนตํารวจท่องเที่ยว โทร. ๑๑๕๕ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง







