“…ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาสั่นคลอนอีกครั้ง หลังการประชุม GBC ล่าสุดเผยถึงรอยร้าวลึกที่ยากประสาน เมื่อกัมพูชาปฏิเสธที่จะร่วมมือในประเด็นสำคัญที่ไทยหยิบยกขึ้นมาเจรจา ไม่ว่าจะเป็นการกู้กับระเบิดที่ฝังล้ำเข้ามาในแผ่นดินไทย หรือการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างความเสียหายให้คนไทยมหาศาล เบื้องหลังท่าทีแข็งกร้าวของกัมพูชาคือเกมอำนาจและผลประโยชน์มหาศาลมูลค่านับสิบล้านล้านบาท ที่ผูกโยงชีวิตและอนาคตของคนทั้งสองชาติเข้าไว้ด้วยกันอย่างน่าหวาดหวั่น…”
‘หัวใจของฮุน เซน’ อยู่ที่บ่อนชายแดน
พลเอก รังษี ปิตยาณทรัพย์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจ เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่าเหตุผลสำคัญที่ทำให้กัมพูชาปฏิเสธการร่วมมือกับไทยในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเว็บพนันออนไลน์ในการประชุม GBC ครั้งล่าสุด เนื่องจากรายได้หลักของบ่อนตามแนวชายแดนมาจากธุรกิจผิดกฎหมายเหล่านี้ และที่สำคัญกว่านั้นคือ “ทุกที่ต้องจ่ายส่วนแบ่งให้ฮุน เซน ถึง 30%” เงินบาปมหาศาลนี้คือสายธารสำคัญที่หล่อเลี้ยงฮุน เซนและบริวารให้สามารถดำรงอำนาจทางการเมืองไว้ได้ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของกัมพูชา ทำให้เห็นว่า “หัวใจสำคัญของฮุน เซนนั้นอยู่ที่บ่อนชายแดน” และตราบใดที่ผลประโยชน์นี้ยังคงอยู่ การร่วมมืออย่างจริงใจจากฝ่ายกัมพูชาก็คงเป็นไปไม่ได้
MOU สองฉบับ ที่ไร้ซึ่งประสิทธิภาพ
MOU 43 และ MOU 44 ซึ่งเป็นข้อตกลงสำหรับการเจรจาปักปันเขตแดนทางบกและทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา ได้ถูกทำขึ้นมาแล้วเป็นเวลาถึง 24 ปี แต่ยังคงไร้ผลอย่างสิ้นเชิง พลเอก รังษี ระบุว่าสาเหตุหลักมาจากทั้งสองฝ่ายใช้หลักฐานที่แตกต่างกันในการปักปันเขตแดน โดยไทยใช้แผนที่มาตราส่วน 1:50,000 ขณะที่กัมพูชาใช้แผนที่มาตราส่วน 1:1,000 ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะตกลงกันได้ ความไร้ประสิทธิภาพของ MOU ทั้งสองฉบับนี้ไม่เพียงแต่ทำให้สถานการณ์ยืดเยื้อ แต่ยังนำไปสู่การปะทะที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทั้งทหารและประชาชน หาก MOU นี้ใช้ได้ผลจริง คงไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากันนานถึงสองทศวรรษ
อย่างไรก็ตาม การยกเลิก MOU ดังกล่าวเพียงฝ่ายเดียวอาจเป็นความเสี่ยง ทูต รัชชรี จันทรังษี (อดีตเอกอัครราชทูต) เตือนว่าท่าทีเช่นนี้อาจเข้าทางกัมพูชา ซึ่งอาจต้องการยกเลิกข้อตกลงอยู่แล้วเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในรูปแบบอื่น อย่างไรก็ตาม พลเอก รังษี ยืนยันว่า ควรยกเลิก เพราะ MOU ที่ไม่สามารถใช้การได้นั้น เป็นกรอบการเจรจาที่สร้างความชอบธรรมให้กัมพูชาในการก่อความขัดแย้ง โดยหลังจากยกเลิกแล้ว ไทยควรเริ่มต้นเจรจาใหม่ โดยกำหนดมาตรฐานหลักฐานและเอกสารที่ใช้ร่วมกันให้ชัดเจนเสียก่อน
กับระเบิด 2 ชั้น: การรุกล้ำอธิปไตยอย่างเป็นระบบ
ในการประชุม GBC กัมพูชาปฏิเสธที่จะร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด พลเอก รังษี ชี้ว่าท่าทีนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นส่วนหนึ่งของยุทธวิธีทางการทหารที่อันตราย กัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดไว้เป็น 2 ชั้น ชั้นแรกวางล้ำเข้ามาในเขตแดนของไทย ซึ่งทำให้ทหารไทยเคยเหยียบจนขาขาดมาแล้วในหลายเหตุการณ์ ส่วนชั้นที่สองวางในเขตแดนของตนเองเพื่อขัดขวางการเข้าถึงของทหารไทยหากเกิดการปะทะใหม่ การไม่ยอมร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดจึงเป็นเสมือนการ รุกล้ำอธิปไตยของไทย อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ
แผนร้ายของฮุน เซน: ทรัพยากร 10 ล้านล้าน กับศาลโลก
พลเอก รังษี ยังเปิดโปงถึงเป้าหมายที่แท้จริงของฮุน เซน ซึ่งไม่ใช่แค่การสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองให้กับตัวเองและลูกชาย แต่คือการครอบครอง ทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย ทั้งก๊าซและน้ำมันที่มีมูลค่าประเมินคร่าวๆ สูงถึง 10 ล้านล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้กัมพูชาสามารถ ปลดหนี้มหาศาล และช่วยให้ฮุน เซนสามารถอยู่ในอำนาจทางการเมืองต่อไปได้
ด้วยเหตุนี้ ฮุน เซนจึงใช้ยุทธวิธีที่หลากหลายเพื่อยั่วยุและกดดันไทย เช่น การยิงเป้าหมายพลเรือนอย่างจงใจ การสร้างเรื่องโกหกรายวัน และการบิดเบือนข้อมูลเพื่อหวังให้ไทยใช้กำลังตอบโต้ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้กัมพูชานำเรื่องดังกล่าวขึ้นสู่ ศาลโลก เพราะฮุน เซนตระหนักดีว่าไม่สามารถเอาชนะไทยได้ด้วยกำลังทางทหาร
“คนบ้า” ที่พร้อมหักหลังทุกคนเพื่อผลประโยชน์
พลเอก รังษี ย้ำว่าฮุน เซนเป็นคนที่ไม่เคยมีความจริงใจกับใคร พร้อมที่จะหักหลังทุกคนเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แม้กระทั่งประเทศจีนที่ให้ความช่วยเหลือด้านเงินกู้และโครงสร้างพื้นฐานอย่างมหาศาล ฮุน เซนก็ยังหักหลังและหันไปเข้ากับสหรัฐอเมริกาในที่สุด นอกจากนี้ เขายังเคยอยู่กับเขมรแดงก่อนที่จะหันไปร่วมกับเวียดนามเพื่อกลับมาสังหารเขมรแดงในภายหลัง พลเอก รังษี เปรียบฮุน เซนว่าเป็น “คนบ้า” ที่ “บ้าแบบไม่มีขีดจำกัด” และเชื่อว่าจะไม่มีวันหยุดยั่วยุและปะทะกับไทยหากยังคงได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากธุรกิจผิดกฎหมายและมีความหวังที่จะครอบครองทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย
ท่ามกลางวิกฤตความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดและเกมการเมืองที่ซับซ้อนนี้ ท่าทีของรัฐบาลไทยจะเดินไปในทิศทางใด? และจะสามารถปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนได้อย่างไร? นี่คือคำถามสำคัญที่รัฐบาลจะต้องตอบให้ได้โดยเร็วที่สุด.
#สืบจากข่าว รายงาน