กองปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.)
และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้เปิดเผยผลการจับกุมผู้ต้องหาสำคัญในคดีฉ้อโกงและฟอกเงินรายใหญ่
เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุม น.ส.ชุติมณฑน์ อายุ 39 ปี และ น.ส.อมรรัตน์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง
โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ปลอมแปลงเอกสาร และฟอกเงิน โดยสามารถจับกุมได้ที่บ้านพักในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา หลังจากหลบหนีคดีมานานกว่า 7 ปี
คดีนี้สืบเนื่องจากเหตุการณ์ระหว่างเดือนเมษายน – กันยายน 2561 ที่กลุ่มผู้ต้องหาได้ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารและลายมือชื่อกรรมการบริษัท เพื่อใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อเบิกเงินเกินบัญชี (Overdraft) จากธนาคารเอกชน 2 แห่ง รวม 4 ครั้ง มูลค่าความเสียหายรวม 155 ล้านบาท เมื่อได้รับอนุมัติ กลุ่มผู้ต้องหาได้ทยอยถอนและโอนเงินเข้าบัญชีเครือข่ายผู้กระทำผิดกว่า 14 ราย รวมถึงบัญชีของ น.ส.ชุติมณฑน์ และ น.ส.อมรรัตน์ โดยมีการโอนเงินหลายทอดและถอนเป็นเงินสดเพื่อปกปิดเส้นทางการเงิน
- เงิน 9.1 ล้านบาท: น.ส.ชุติมณฑน์ ได้รับเช็คจาก น.ส.สิริภาส์ หนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหา จากนั้นได้โอนเงิน 4 ล้านบาท ให้กับนายภูริพัฒน์ฯ และถอนเงินสดอีก 5.1 ล้านบาท
- เงิน 9 แสนบาท: น.ส.อมรรัตน์ ได้รับโอนเงินจาก น.ส.สิริภาส์ และได้ถอนเงิน 7 แสนบาท ไปฝากเข้าบัญชีนายภูริพัฒน์ฯ
- เงิน 7.08 ล้านบาท: น.ส.ชุติมณฑน์ ได้รับเช็คอีกฉบับ จากนั้นได้โอนเงิน 2.8 ล้านบาท ให้กับนายภูริพัฒน์ฯ และถอนเงินสดอีก 4.28 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการนี้ไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่ น.ส.ชุติมณฑน์ และ น.ส.อมรรัตน์ ยังคงหลบหนี จนกระทั่งเจ้าหน้าที่สืบสวนพบเบาะแสและสามารถปิดล้อมจับกุมได้ในที่สุด
เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยขณะนี้ถูกควบคุมตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ถือเป็นการปิดฉากคดีทุจริตทางการเงินที่ซับซ้อนและสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงคดีหนึ่งของประเทศ



