“นโยบายภาษีทรัมป์สั่นคลอนการค้าทั่วโลก กลายเป็น “น้ำผึ้ง” หยดเดียว ปลุก “เอเชีย” ปั้น “สนามการค้า” รักษาระบบพหุภาคี ตามกฎเกณฑ์องค์การการค้าโลก ส่งเสริมโลกหลายขั้ว คุ้มครองผลประโยชน์กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ด้วย 2 มหาอำนาจ ที่ยากจะทัดทาน”
การพบกันระหว่าง หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน และกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน กับ สุพราหมัณยัม ไจชันการ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอินเดีย ณ กรุงนิวเดลี เมื่อวันจันทร์ 18 ส.ค. เป็นอีกหนึ่งฉากทัศน์ ที่โลกต่างจับตาถึงความสัมพันธ์ของ จีน กับ อินเดีย กลับมาสดใสอีกครั้ง
การหารือแบบ “ทวิภาคี” ได้ผลลัพธ์สร้างสรรค์ และ มีอนาคต ไม่ใช่เฉพาะ 2 ชาติ แต่แผ่อานิสงส์ถึงภูมิภาคและโลกทั้งใบ
ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องถึงยุทธศาสตร์ การพัฒนาความสัมพันธ์จีน-อินเดีย ให้เกิดศักยภาพอย่างเต็มที่ สนับสนุนการจัดงานทางการทูต โดยฝ่ายจีนจะสนับสนุนอินเดีย ในการเป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมสุดยอดกลุ่มบริกส์ ในปี 2026 และฝ่ายอินเดีย จะสนับสนุนจีน ในการเป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมสุดยอดกลุ่มบริกส์ ในปี 2027 รวมถึงจัดการประชุมกลไกระดับสูงจีน-อินเดีย ว่าด้วยการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน ครั้งที่ 3 ในอินเดีย
ทั้งสองฝ่ายยังตกลงจะกลับมาให้บริการเที่ยวบินตรง ระหว่างแผ่นดินใหญ่ของจีนกับอินเดีย โดยเร็วที่สุด ตามข้อตกลงบริการทางอากาศ ฉบับปรับปรุง อำนวยความสะดวกด้านวีซ่าแก่นักท่องเที่ยว นักธุรกิจ สื่อมวลชน และผู้มาเยือนประเภทอื่นๆ ของทั้งสองฝ่าย รวมถึงการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน ระหว่างสองประเทศ ผ่านมาตรการอันเป็นรูปธรรม
หวังยังได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี พูดคุยถึงการรักษาสันติภาพและความสุขสงบ ในพื้นที่ชายแดน ผ่านการปรึกษาหารืออย่างเป็นมิตร ขยายการเจรจาครอบคลุมพื้นที่ชายแดนทางด้านตะวันออกและตอนกลาง ขณะเดียวกัน จะมีการเจรจารอบใหม่ เกี่ยวกับพื้นที่ชายแดนด้านตะวันตกโดยเร็วที่สุด
อาจิต โดวาล ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของอินเดีย กล่าวถึงการหารือในวันอังคารว่า ความสัมพันธ์อินเดีย-จีน มีแนวโน้มดีขึ้น สองประเทศสามารถทำข้อตกลงทวิภาคีจำนวนมาก สภาพแวดล้อมใหม่ที่เกิดขึ้น ช่วยส่งเสริมความก้าวหน้าหลายด้าน ที่จีนและอินเดียกำลังร่วมมือกัน
นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย โพสต์ข้อความบน X ระบุว่า “ความสัมพันธ์ที่มั่นคงและสร้างสรรค์ ระหว่างอินเดียและจีน จะมีส่วนสำคัญต่อสันติภาพ และความเจริญรุ่งเรือง ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก”
จีน และ อินเดีย 2 ชาติรวมประชากรกว่า 2.8 พันล้านคน การเปิดกลุ่ม “บริกส์” ที่ประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ กลายเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา มีศักยภาพคานอำนาจกลุ่มจี 7 ด้วยการสนับสนุนการค้าแบบเงินสกุลท้องถิ่น โดยไม่ต้องกังวลกับค่าเงิน เหมือนการอิงดอลลาร์ในอดีต