วันเสาร์, กันยายน 6, 2025
หน้าแรกอาชญากรรมกสม. เผยผลการติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามข้อเสนอแนะของ กสม. ระบุหน่วยงานต่าง ๆ ขานรับข้อเสนอและแก้ไขปัญหาแล้ว

Related Posts

กสม. เผยผลการติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามข้อเสนอแนะของ กสม. ระบุหน่วยงานต่าง ๆ ขานรับข้อเสนอและแก้ไขปัญหาแล้ว

นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมาตรการหรือข้อเสนอแนะของ กสม. มาอย่างต่อเนื่อง โดย กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2568 มีมติเห็นชอบให้ยุติการติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมาตรการหรือข้อเสนอแนะของ กสม. ชุดที่ 3 และชุดที่ 4 (ชุดปัจจุบัน) จำนวน 11 เรื่อง เนื่องจากหน่วยงานได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ กสม. บางส่วนที่เป็นสาระสำคัญแล้ว ซึ่งเป็นไปตามระเบียบ กสม. ว่าด้วยการติดตามผลการดำเนินการด้านสิทธิมนุษยชน พ.ศ. 2564 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ตัวอย่างเรื่องสำคัญที่ กสม. มีมติ ให้ยุติการติดตามการดำเนินงานของหน่วยงาน มีดังนี้

(1) รายงานผลการตรวจสอบเรื่องสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองอันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิเด็ก กรณีผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยร้องเรียนมาเมื่อเดือนสิงหาคม 2564 ขอให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิเด็กในการใช้เสรีภาพแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพในการชุมนุมระหว่างปี 2563 – 2564 ซึ่ง กสม. ตรวจสอบพบว่ามีการจับกุมและคุกคามเด็กด้วยวิธีการที่ไม่เหมาะสมและมีข้อเสนอแนะให้แก้ไขปัญหา ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) แจ้งว่า ได้มีหนังสือกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายให้ใช้ความระมัดระวังในการใช้กำลังจับกุมผู้ชุมนุมที่อายุต่ำกว่า 18 ปี โดยต้องแจ้งผู้ปกครองหรือผู้ที่เด็กไว้วางใจทราบถึงการจับกุมและสถานที่ควบคุมตัวทันที งดเว้นการใช้เครื่องพันธนาการทั้งในขณะจับกุมและระหว่างควบคุมตัว จัดหาสถานที่ควบคุมตัวเป็นการเฉพาะ กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจงดเว้นการกระทำที่เป็นการรบกวนชีวิตส่วนตัวจนเกินกว่าเหตุ รวมทั้งเร่งรัดการสืบสวนข้อเท็จจริงจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อเด็กและเยาวชน และให้ถือปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของ กสม. อย่างเคร่งครัด

ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) แจ้งว่า ได้เน้นย้ำสถานศึกษาในสังกัดและในกำกับของ ศธ. ทุกแห่งเปิดรับฟังความคิดเห็นของนักเรียน นักศึกษา และสร้างหลักประกันไม่ให้เกิดกรณีการข่มขู่ คุกคาม หรือลงโทษนักเรียนที่เข้าร่วมการชุมนุม ส่วนสภาผู้แทนราษฎร (สส.) มีมติแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมประชาชน พ.ศ. …. เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง รวมถึงกรณีเด็กและเยาวชนที่ถูกดำเนินคดีจากการใช้สิทธิและเสรีภาพทางการเมือง นอกจากนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) แจ้งว่า ได้ดำเนินการเชิงบูรณาการร่วมกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ศธ. และ ตร. โดยประชุมหารือถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาและการปฏิบัติต่อเด็กในพื้นที่การชุมนุมให้เป็นไปอย่างเหมาะสมแล้ว

(2) รายงานผลการตรวจสอบเรื่องสิทธิชุมชน กรณีมีผู้ร้องเรียนมายัง กสม. เมื่อปี 2564 ต่อเนื่องปี 2565 ระบุว่า การเตรียมการประกาศอุทยานแห่งชาติแม่เงาและอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไททับที่ดินทำกิน ไร่หมุนเวียนและพื้นที่ทางจิตวิญญาณของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงในพื้นที่ตำบลแม่สวด อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และตำบลบ้านดง อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ทั้งยังขาดการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โดยอุทยานแห่งชาติแม่เงา (เตรียมการ) และอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท (เตรียมการ) ได้ตรวจสอบแนวเขตพื้นที่พิพาทร่วมกับประชาชนในพื้นที่แล้ว โดยมีการปรับลดเส้นแนวเขตและเนื้อที่ของพื้นที่เตรียมการประกาศอุทยานแห่งชาติทั้งสองแห่งลง รวมทั้งจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นร่วมกับประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) และสมาชิกกลุ่มสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) จนเป็นที่พอใจของทุกฝ่ายแล้ว

นอกจากนี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้มีหนังสือเมื่อเดือนธันวาคม 2566 แจ้งให้หน่วยงานในสังกัดนำวิธีการจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในระดับหมู่บ้าน ตำบล และอำเภอ โดยให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ไปใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการกำหนดพื้นที่ การขยาย หรือการเพิกถอนพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทุกแห่งแล้ว ขณะที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้สั่งการและหารือถึงแนวทางในการกำหนดเขตพื้นที่วัฒนธรรมพิเศษหรือเขตคุ้มครองทางวัฒนธรรมร่วมกับชุมชนในเขตพื้นที่เตรียมการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติแม่เงาและอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2553 แล้ว

และ (3) รายงานผลการตรวจสอบเรื่อง การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลด้วยเหตุแห่งสุขภาพ กรณีมูลนิธิคุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ร้องเรียนมาเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 ระบุว่า วัดปากบ่อ เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ กำหนดเงื่อนไขให้ตรวจหาเชื้อเอชไอวีก่อนบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุในโครงการบรรพชาอุปสมบทหมู่ โดยปัจจุบันวัดปากบ่อ ได้ยกเลิกการตรวจหาเชื้อเอชไอวีของผู้ที่ประสงค์จะบรรพชาอุปสมบททุกโครงการและให้ใช้เพียงเอกสารใบรับรองแพทย์การตรวจสุขภาพทั่วไปเท่านั้น ขณะที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แจ้งว่า ได้นำข้อมูลเกี่ยวกับการติดเชื้อเอชไอวีของกรมควบคุมโรคเข้าที่ประชุมมหาเถรสมาคม และมหาเถรสมาคมมีมติรับทราบความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่า การติดเชื้อเอชไอวีไม่ใช่โรคจึงไม่เข้าข่ายโรคติดต่อเป็นที่รังเกียจตามกฎมหาเถรสมาคมที่เกี่ยวข้อง และมอบ พศ. แจ้งเจ้าคณะใหญ่ทราบ และแจ้งพระอุปัชฌาย์ถือปฏิบัติตามมติมหาเถรสมาคม นอกจากนี้ กรมควบคุมโรคได้มอบสื่อและประชาสัมพันธ์ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเชื้อเอชไอวีให้หน่วยงานศาสนาต่าง ๆ ทั้งศาสนาพุทธ อิสลาม คริสต์ พราหมณ์ ฮินดู และซิกส์ 15 องค์การ เพื่อให้มีความเข้าใจมิให้มีการเลือกปฏิบัติโดยใช้เหตุแห่งการติดเชื้อเอชไอวีลิดรอนโอกาสในการเข้าถึงเสรีภาพในการปฏิบัติตามหลักศาสนาทุกศาสนาแล้ว

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts