จากกรณี ช่วงเช้ามืดของวันที่ 26 กันยายน ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวชาวอินเดียอายุ 33 ปี อยู่ในอาการหวาดผวา หวาดกลัวอย่างหนัก เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ว่าตนเองนั้นถูกมาเฟียชาวอินเดีย ซึ่งเป็นผู้จัดการร้านบอสคลับ ตั้งอยู่ใจกลางวอล์คกิ้ง สตรีท พัทยา พร้อมด้วยบอดี้การ์ดส่วนตัว ทำร้ายร่างกาย ใช้ของแข็งทุบตี ที่ขาจนได้รับบาดเจ็บ มิหน่ำซ้ำยังชักอาวุธปืนขึ้นมาจ่อศีรษะ ข่อขู่สารพัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังรับแจ้ง ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามตัว ผู้จัดการมาเฟียรายนี้มาดำเนินคดี
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 29 ก.ย.68 นายลักษมัน ซิงห์ นายกสมาคมอินเดียพัทยา ได้เปิดกับผู้สื่อข่าวว่า สำหรับกรณีนี้ ตนเองได้สอบถามเพื่อนของผู้เสียหาย เบื้องต้นทราบว่า ผู้เสียหายรายนี้เป็นนักท่องเที่ยวชั้นพรีเมี่ยมของคลับอินเดียหลายๆที่ในเมืองพัทยา ซึ่งพฤติกรรมการจ่ายเงินหากกินเที่ยววันนี้ จะทำการโอนจ่ายในวันถัดไปถือเป็นเรื่องปกติ
โดยวันเกิดเหตุ ผู้เสียหายได้กินเที่ยวอยู่ที่คลับประจำ จากนั้นได้มีชายชาวอินเดียรายหนึ่ง(ทราบภายหลังว่าเป็นผู้จัดการคลับที่เกิดเหตุ) ได้ชวนไปเที่ยวในคลับที่เกิดเหตุ (Boss Club) และก่อนจะยืมสร้อยคอทองคำของผู้เสียหายใส่ หลังกินดื่มได้สักพัก ผู้เสียหายจึงทวงสร้อยคอทองคำคืน แต่ชายคนดังกล่าว ไม่ยอมคืนให้ โดยจะให้ผู้เสียหายเคลียร์บิลเครื่องดื่มก่อน ถึงจะคืนสร้อยให้ จึงเป็นฉนวนเหตุให้เริ่มมีการโต้เถียง และเหตุการณ์บานปลายจน การ์ด2คน ได้ลากตัวผู้เสียหายไปทำร้าย โดยการใช้ของแข็งคล้ายไม้ทุบตีที่ขา และมีชายอินเดียอีกคนใช้อาวุธปืนจ่อศรีษะ บังคับให้จ่ายเงินทันที และมีการยึดพาสปอร์ตของผู้เสียหายไว้อีกด้วย
หลังเกิดเหตุ ผู้เสียหายได้เข้ารับการรักษา และตรวจร่างกายที่ รพ.พัทยาเมโมเรียล ก่อนเดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา โดยเหตุการณ์ส่งผลให้ผู้เสียหายตกใจและหวาดระแวงการท่องเที่ยวในเมืองพัทยาเป็นอย่างมาก
นายลักษมัน ซิงห์ นายกสมาคมอินเดียพัทยา กล่าวต่ออีกว่า อยากฝากถึงผู้ประกอบการให้ดูแลนักท่องเที่ยวให้ดี และหากเป็นลูกค้าวีไอพีแล้ว เรื่องลักษณะนี้ยิ่งไม่ควรที่จะเกิดขึ้น ต้องดูแลรักษาลูกค้าให้ได้ อีกทั้ง ฝากถึงเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องให้เร่งสืบสวนสอบสวนคดีนี้ และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดโดยเร็ว
ด้าน พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ ผกก.สภ.เมืองพัทยา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ หาเบาะแส และตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผู้เสียหายมายืนยันชี้ตัวผู้กระทำความผิด(จากรูปภาพ) ก่อนจะออกหมายเรียกและดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป




