เมื่อวันที่ 8 ต.ค.68 ที่กระทรวงกลาโหม พ.อ.วีรยุทธ์ น้อมศิริ รองโฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ได้สั่งการให้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกระทรวงกลาโหม (ศบภ.กห.) และเหล่าทัพ เตรียมความพร้อมกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และเครื่องมือพิเศษ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศ
โดยเน้นให้หน่วยทหารทุกเหล่าทัพดำเนินการตาม แผนบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงกลาโหม พ.ศ.2564 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2568) ซึ่งได้รับอนุมัติเมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา เพื่อให้การบริหารจัดการและการช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และตอบสนองต่อสถานการณ์ภัยพิบัติที่รุนแรงขึ้น ภายใต้แนวคิด “การช่วยเหลือประชาชนด้วยหัวใจของทหาร” พร้อมให้ความสำคัญกับการปฏิบัติการในทุกระยะ ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังเกิดภัย
กองทัพบก ได้จัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมระดมกำลังสนับสนุนภารกิจสำรวจพื้นที่เสี่ยงและให้ความช่วยเหลือเร่งด่วน ศบภ.นปอ. โดย ปตอ.1 พัน.5 ลงพื้นที่ ชุมชนมัสยิดท่าอิฐ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เพื่อเตรียมแนวกั้นน้ำและประเมินสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มสูงขึ้น กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ จัดกำลังพลจิตอาสาเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ จังหวัดปราจีนบุรี พร้อมมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคและให้กำลังใจผู้ประสบภัย มณฑลทหารบกที่ 32 จังหวัดลำปาง ลงพื้นที่เยี่ยมกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม พร้อมนำสิ่งของบรรเทาทุกข์และทีมแพทย์เคลื่อนที่เข้าช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด
กองทัพเรือ ได้เตรียมความพร้อมของหน่วยเรือบรรเทาสาธารณภัย และยุทโธปกรณ์สำคัญ เช่น “เรือผลักดันน้ำ” ซึ่งเป็นพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อช่วยระบายน้ำและบรรเทาปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำ มีการจัดเตรียมกำลังของ ทัพเรือภาคที่ 1, 2 และ 3, รวมถึง ฐานทัพเรือกรุงเทพ, ฐานทัพเรือสัตหีบ, กองกำลังป้องกันจันทบุรีและตราด และ หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามแม่น้ำโขง เพื่อพร้อมออกปฏิบัติการช่วยเหลือทันทีเมื่อได้รับการร้องขอ
กองทัพอากาศ ได้สั่งการให้ทุกกองบินเตรียมกำลังพล เครื่องมือ และยานพาหนะสนับสนุนการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัย เช่น การขนย้ายสิ่งของ การอพยพประชาชน และการมอบถุงยังชีพ โดยเฉพาะ กองบิน 21, 23, 4, 41 และ 46 ซึ่งได้ร่วมปฏิบัติภารกิจบรรเทาทุกข์ในพื้นที่รับผิดชอบอย่างใกล้ชิด
โดยกรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่า ช่วงวันที่ 7–8 ต.ค.68 จะมีฝนตกหนักในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ส่วนช่วงวันที่ 9–13 ต.ค.68 จะมีฝนเพิ่มขึ้นในภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้
ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำและบริเวณใกล้ทางน้ำไหลผ่าน ควรระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก พร้อมติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด
รมว.กลาโหม ได้กล่าวย้ำว่า กระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพจะทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างเต็มกำลัง เพื่อดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เพราะการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคือภารกิจที่สำคัญยิ่งของกองทัพ