นาทีนี้ไม่มีคำว่าปรานี! แม้รัฐบาลจะยกระดับให้การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็น “วาระแห่งชาติ” ปปง. ก็เดินหน้า ‘ปิดฉาก’ เครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติอย่างดุดัน! วันนี้ (31 ต.ค. 2568) ปปง. ประกาศ ‘อวสานเส้นทางเงินบาป’ ด้วยการสั่งยึดและอายัดทรัพย์สิน เพิ่มเติมอีกกว่า 350 ล้านบาท ที่เชื่อมโยงกับนายพัด สุภาภา หรือ ลี ยงพัด กับพวก ทำให้ยอดรวมการทวงคืนทรัพย์สินทะลุ 650 ล้านบาท! นี่คือสัญญาณชัดเจนว่า แผ่นดินนี้ไม่มีที่ยืนให้คนโกง!
นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. และโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. ได้ออกแถลงการณ์สำคัญในวันนี้ (31 ตุลาคม 2568) โดยเน้นย้ำถึงมาตรการเด็ดขาดของรัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่กำหนดให้เรื่องนี้เป็น “วาระแห่งชาติ” และมีการจัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการฯ โดยมี พลตำรวจโท รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานอนุกรรมการด้านการปราบปราม และ นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานอนุกรรมการด้านการป้องกัน


ปฏิบัติการล่าทรัพย์สินครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการสืบสวนขยายผลและบูรณาการการทำงานร่วมกันตามนโยบายปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์ที่มีลักษณะเป็น องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งใช้พฤติการณ์โทรศัพท์หลอกลวงประชาชน (แก๊ง Call Center)
นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. ในฐานะกรรมการและอนุกรรมการในคณะกรรมการดังกล่าว ได้ใช้อำนาจเด็ดขาดตามมาตรา 48 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 สั่งยึดและอายัดทรัพย์สิน (เพิ่มเติม) ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในรายคดีกลุ่มบุคคลที่ใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชน
ทรัพย์สินที่ถูก ‘ทวงคืน’ มีทั้ง ห้องชุดหรู ที่ดิน และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร จำนวน 11 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 350 ล้านบาท (คำสั่ง ย.270/2568)
เบื้องหลังการทวงคืน:
กรณีนี้เป็นผลจากการขยายผลที่พบว่าการหลอกลวงผู้เสียหายมีความเชื่อมโยงกันหลายคดี มีเส้นทางการเงินซับซ้อนไปถึง บุคคลสัญชาติจีนที่ถือหนังสือเดินทางกัมพูชา และพบเงินในบัญชีจำนวนมหาศาล รวมถึงมีธุรกรรมทางการเงินเชื่อมโยงกับ นายพัด สุภาภา หรือ ลี ยงพัด กับพวกและครอบครัว ซึ่งเป็นบุคคลที่ทางการไทยได้ดำเนินการ ถอนสัญชาติ ไปแล้ว
ทั้งนี้ ในรายคดีดังกล่าว ปปง. เคยมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินมาแล้ว 4 ครั้ง รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ดำเนินการไปแล้ว ประมาณ 300 ล้านบาท ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 ซึ่งศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้นำทรัพย์สินทั้งหมดไป คืนหรือชดใช้คืนให้กับผู้เสียหาย จำนวน 559 ราย และปัจจุบัน สำนักงาน ปปง. กำลังเร่งดำเนินการคืนทรัพย์สินให้กับผู้เสียหาย
ในการนี้ สำนักงาน ปปง. อยู่ระหว่างพิจารณาเพื่อกล่าวโทษนายทวีศักดิ์ฯ กับพวก ในความผิดอาญาฐาน ฟอกเงิน พร้อมทั้งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องในการ คุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย เพื่อนำทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามที่ได้มีคำสั่งยึดและอายัดข้างต้น ไปคืนหรือชดใช้คืนให้แก่ผู้เสียหายต่อไปอย่างเร่งด่วน
เมื่ออาชญากรรมข้ามชาติใช้เทคโนโลยีและโครงข่ายการฟอกเงินระดับโลกมาสูบเงินจากประชาชนไทย ทรัพย์สินมูลค่านับ ‘แสนล้าน’ ที่ถูกยึดคืนในแต่ละครั้งมีความหมายต่อผู้เสียหายอย่างยิ่งยวด…คำถามคือ หากไร้ซึ่งอำนาจอันเฉียบขาดในการ ‘ล่า’ และ ‘ยึด’ ทรัพย์สินเหล่านี้ของ ปปง. ใครจะสามารถทวงคืนความยุติธรรมและสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับประเทศได้อย่างแท้จริง?

 
                                    