ตำรวจ ปปป. นำทีมโดย “บิ๊กเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว บุกรวบ “เลขาฯ นายก อบต.” และ “หัวหน้าช่าง” กลางปั๊มน้ำมันและห้องทำงาน หลังร่วมเรียกรับสินบนจากผู้ประกอบการ 6.5 ล้านบาท แลกใบอนุญาตสร้างโกดังในปราจีนบุรี พบของกลางเงินสดกว่า 2.5 ล้านบาท ผู้ต้องหายังปากแข็งปฏิเสธทุกข้อหา
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.วนัสชัย ยิ่งยงสมสวัสดิ์ ผกก.2 บก.ปปป. และ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.2 บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ซ้อนแผนเข้าจับกุมผู้ต้องหาสองราย หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ประกอบการรายหนึ่งใน อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี ว่าถูกเรียกรับเงินสินบนเพื่อแลกกับการออกใบอนุญาตก่อสร้างโกดังขนาดใหญ
ผู้ต้องหาทั้งสองรายประกอบด้วย
สิบเอกจักรพันธ์ฯ อายุ 45 ปี หัวหน้าฝ่ายแบบแผนและก่อสร้าง อบต.หัวหว้า ถูกจับตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ในข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินโดยมิชอบ” โดยจับได้ที่ห้องทำงานภายใน อบต.หัวหว้า
นายสายันต์ หรือ “น้อย” อายุ 63 ปี ผู้ที่อ้างตัวเป็นเลขาฯ นายก อบต.หัวหว้า ถูกจับกุมในข้อหา “สนับสนุนเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินโดยมิชอบ” ขณะกำลังรับเงินสินบนจากผู้เสียหายที่ร้านกาแฟในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง พร้อมของกลางเงินสดกว่า 2.5 ล้านบาท
การสืบสวนพบว่า สิบเอกจักรพันธ์ฯ เรียกรับเงินจากผู้ประกอบการรายดังกล่าวจำนวน 500,000 บาท เพื่อมอบให้นายก อบต.หัวหว้า แลกกับการอนุมัติใบอนุญาตก่อสร้างโกดังขนาด 4,000 ตารางเมตร โดยมีนายสายันต์ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานและรับเงิน
ต่อมา นายสายันต์ยังได้ติดต่อผู้เสียหายอีกครั้ง พร้อมเสนอให้ว่าจ้างตนดำเนินการถมดินและก่อสร้างโกดังในราคา 6.5 ล้านบาท อ้างว่าจะช่วยให้การขอใบอนุญาตเป็นไปอย่างราบรื่น หากไม่ยอมทำตาม ขั้นตอนจะล่าช้าและมีอุปสรรค โดยมีการพูดคุยลักษณะข่มขู่กดดันผ่านทางโทรศัพท์
ผู้เสียหายเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบธรรม จึงเข้าร้องเรียนต่อ บก.ปปป. จนนำมาสู่การวางแผนจับกุม นายสายันต์ ขณะรับเงินของกลาง ก่อนขยายผลจับกุม สิบเอกจักรพันธ์ฯ ได้ในที่ทำงาน
เบื้องต้น ทั้งสองรายยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ขณะที่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ และอยู่ระหว่างขยายผลตรวจค้นบ้านพัก–ห้องทำงานเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม โดยคดีนี้จะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในเวลา 13.00 น. ที่ สภ.ศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี
ตำรวจยืนยัน — คดีนี้เอาผิดถึงที่สุด ไม่มีละเว้นเจ้าหน้าที่ทุจริต!









