ตำรวจภูธรภาค 4 สนธิกำลัง กสทช. บุกอาคารพาณิชย์กลางสถานีขนส่งมุกดาหาร พบอุปกรณ์ “ซิมบ็อกซ์” 4 เครื่อง ซ่อนในห้องชั้น 2 ใช้กระจายสัญญาณโทรศัพท์ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรหลอกเหยื่อทั่วประเทศ คาดมีขบวนการใหญ่หนุนหลัง เตรียมขยายผลล่าตัวผู้เกี่ยวข้อง
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4, พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 และ พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ รองผู้บังคับการสืบสวน ภ.4 และ พ.ต.อ.นุติ ศักดิ์สุภาพ ผู้กำกับการสืบสวน 2 ภ.4 สนธิกำลังร่วมกับ พล.ต.ต.ไพโรจน์ ไทยพุทรา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร, พ.ต.อ.กิตเตชิษฐ์ บำรุง รอง ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร, พ.ต.อ.วิจิตร บุญวรรณ ผกก.สืบสวน ภ.จว.มุกดาหาร และ พ.ต.อ.ประยุทธ์ เรือนทองคำ ผกก.สภ.เมืองมุกดาหาร พร้อมด้วย นายชยพัทธ์ มะแม้น ผู้อำนวยการสำนักงาน กสทช. เขต 25 เข้าตรวจสอบอาคารพาณิชย์เลขที่ 33/127 ภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดมุกดาหาร หลังได้รับรายงานว่าเป็นจุดติดตั้งอุปกรณ์ “ซิมบ็อกซ์” ของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์
จากการตรวจค้นภายในอาคาร โดยเฉพาะบริเวณชั้น 2 เจ้าหน้าที่พบเครื่อง “ซิมบ็อกซ์” จำนวน 4 เครื่อง วางอยู่บนถังน้ำพลาสติกสีดำ ตั้งอยู่บนโครงไม้เตียงนอน โดยแต่ละเครื่องสามารถบรรจุซิมการ์ดได้ถึง 32 ซิม ใช้แปลงสัญญาณโทรศัพท์ให้โทรผ่านอินเทอร์เน็ตโดยไม่ผ่านระบบของผู้ให้บริการหลัก ซึ่งเป็นเทคนิคที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์นิยมใช้ในการปกปิดต้นทางของการโทรหลอกลวงเหยื่อ
จากการสอบถามเจ้าของอาคารพาณิชย์ทราบว่า มีหญิงชาวจังหวัดหนองคายมาเช่าพื้นที่ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยจ่ายค่าเช่าปีละ 54,000 บาท และไม่ทราบว่าผู้เช่าใช้สถานที่ดังกล่าวเป็นแหล่งปฏิบัติการของเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ
เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดอุปกรณ์ทั้งหมดไว้เป็นของกลาง พร้อมเร่งตรวจพิสูจน์เส้นทางการเชื่อมต่อสัญญาณ และขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
หากคุณต้องการให้ผมทำ “เวอร์ชันลงเพจข่าว” เพิ่มอีกฉบับ (เน้นสำนวนเข้ม ดึงอารมณ์คนอ่านแบบโซเชียล) ผมสามารถเรียบเรียงให้ต่อได้ไหมครับ?













