กองทัพภาคที่ 2 โต้เดือดสื่อกัมพูชา หลังเผยข่าวยก “ร.ต.ซึม ซ็อมแอง” เป็นฮีโร่คืนสนามรบ ย้ำข้อเท็จจริงคือเชลยศึกชาวกัมพูชาที่ไทยปล่อยตัวเพราะป่วยหนักจากพิษสุราเรื้อรังและมีอาการทางจิต พร้อมประณามการนำผู้ป่วยจิตเวชกลับเข้ารบ เป็นการกระทำไร้มนุษยธรรมขัดหลักอนุสัญญาเจนีวา
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 เพจเฟซบุ๊ก “กองทัพภาคที่ 2” ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีสำนักข่าว Fresh News Daily ของกัมพูชา เผยแพร่ข่าวยกย่อง “ร.ต.ซึม ซ็อมแอง” ทหารกัมพูชา ว่าเป็น “ฮีโร่ผู้หวนคืนแนวหน้า” หลังถูกทหารไทยจับตัวในช่วงการสู้รบ และได้รับการปล่อยตัวกลับประเทศ โดยสื่อกัมพูชาระบุว่าเป็น “จิตวิญญาณนักรบผู้ไม่เคยยอมแพ้”
กองทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่า ข้อเท็จจริงไม่เป็นไปตามที่กล่าวอ้าง โดยระบุว่า
“ร.ต.ซึม ซ็อมแอง” เป็นเชลยศึกชาวกัมพูชาที่ฝ่ายไทยควบคุมตัวไว้ระหว่างการสู้รบ ระหว่างวันที่ 24–28 กรกฎาคม 2568 ในพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ก่อนปล่อยตัวกลับประเทศพร้อมเชลยศึกอีกหนึ่งราย เนื่องจากทั้งคู่มีอาการป่วยรุนแรง
โดย ร.ต.ซึม ซ็อมแอง มีภาวะพิษสุราเรื้อรังและอาการทางจิตจากความเครียดในการรบ จนไม่สามารถดำรงสภาพร่างกายและจิตใจให้พร้อมได้ ทางการไทยจึงตัดสินใจส่งตัวกลับกัมพูชา เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม
ก่อนการปล่อยตัว เชลยศึกดังกล่าวยังได้ลงนามในเอกสารยืนยันชัดเจนว่า
“จะไม่กลับไปเข้าร่วมการรบอีก”
ในช่วงที่ถูกควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้จัดหารองเท้าให้หลายครั้ง แต่เจ้าตัวปฏิเสธไม่ยอมสวม กระนั้นฝ่ายกัมพูชากลับนำไปบิดเบือนเป็นข่าวว่าไทย “กลั่นแกล้งเชลยศึกไม่ให้ใส่รองเท้า” ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ย้ำว่า เป็นเท็จโดยสิ้นเชิง และถือเป็นการจงใจสร้างภาพลักษณ์ลบต่อฝ่ายไทย
กองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า การที่กัมพูชานำผู้ป่วยหรือผู้ที่มีอาการทางจิตกลับเข้าสู่สนามรบ ถือเป็น การกระทำที่ไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง และสะท้อนให้เห็นถึงความไม่รับผิดชอบต่อชีวิตพลทหารของตนเอง พร้อมระบุว่าเหตุการณ์นี้ยิ่งทำให้ฝ่ายไทยไม่สามารถปล่อยเชลยศึกที่เหลืออีก 18 รายได้จนกว่าจะยุติความเป็นปรปักษ์อย่างเป็นทางการ
- อดีตเชลยศึก ไม่ควรถูกบังคับให้กลับเข้าสู่การรบทันทีหลังการปล่อยตัว ตาม อนุสัญญาเจนีวา
- ผู้มีปัญหาทางจิตหรือสงสัยว่าเป็น PTSD ถือเป็น “บุคคลเปราะบาง” ที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
- การนำผู้ป่วยจิตเวชเข้าสู่สนามรบ โดยไม่ได้รับการรักษาหรือประเมินสภาพ ถือเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
- การใช้ทหารที่สภาพจิต–กายไม่พร้อมรบ เข้าสู้รบ อาจเข้าข่ายการละเมิดหลักมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชนตามมาตรฐานสากล
กองทัพภาคที่ 2 ย้ำในตอนท้ายว่า ไทยปฏิบัติต่อเชลยศึกทุกนายด้วยหลักมนุษยธรรมและมาตรฐานสากลมาโดยตลอด พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายนำเสนอข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดและบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในอนาคต.











