วันที่ 26 ธันวาคม 2568 เวลา 11.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ และนางสาวสุภัทรา นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ร่วมแถลงข่าวเด่นประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 42/2568 โดยมี 2 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
- การตรวจสอบกรณีแรงงานไทยที่ไปเก็บเบอร์รี่ในประเทศสวีเดนและฟินแลนด์ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน
- ข้อเสนอแนะแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 เพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประชาชน
ประเด็นแรงงานไทยเก็บเบอร์รี่ถูกละเมิดสิทธิ
นางสาวสุภัทรา เปิดเผยว่า กสม. ได้รับเรื่องร้องเรียนตั้งแต่ปี 2566 ว่าแรงงานไทยในสวีเดนและฟินแลนด์จำนวนมากถูกละเมิดสิทธิ ทั้งการหักค่าจ้างไม่เป็นธรรม ยึดพาสปอร์ต บังคับทำงานวันละ 14–18 ชั่วโมง และอยู่ในสภาพถูกบังคับใช้แรงงาน เข้าข่าย “ค้ามนุษย์”
กสม. ตรวจสอบพบว่า บริษัทผู้ประสานงานในไทยทำหน้าที่เหมือนบริษัทจัดหางาน แต่ไม่ต้องขออนุญาตและไม่ถูกกำกับตามกฎหมาย ส่งผลให้แรงงานต้องพึ่งพาและตกเป็นเหยื่อได้ง่าย ขณะเดียวกัน ดีเอสไอรับคดีค้ามนุษย์ที่เกี่ยวข้องไว้แล้ว 2 คดี โดยหนึ่งคดีมีเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงเกี่ยวข้อง และอีกคดีอยู่ระหว่างสอบสวน
กสม. เห็นว่ากรมการจัดหางานมีหน้าที่คุ้มครองแรงงานไทยในต่างประเทศ แต่ละเลยการป้องกันปัญหา ส่งผลให้เกิดการละเมิดสิทธิแรงงานไทยซ้ำซาก
ข้อเสนอแนะของ กสม. ได้แก่
- ให้ กรมการจัดหางานและกระทรวงการต่างประเทศ เจรจากับรัฐบาลสวีเดนและฟินแลนด์ จัดทำ ข้อตกลงแรงงานระหว่างรัฐ (G to G) เพื่อให้แรงงานได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายทั้งสองประเทศ
- แก้ไขกฎหมายให้บริษัทผู้ประสานงานต้องขออนุญาตจัดหางานจากรัฐ
- ให้ ดีเอสไอเร่งรัดสอบสวนคดีค้ามนุษย์ และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในอายุความ
- จัดตั้งคณะกรรมการร่วมมีตัวแทนแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบ เข้าร่วมแก้ปัญหาอย่างมีส่วนร่วม
- จัดเวทีให้ความรู้แรงงานในพื้นที่เสี่ยงก่อนเดินทางไปต่างประเทศ
ประเด็นข้อเสนอแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5
ในส่วนของประธาน กสม. ได้มีหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี เสนอให้รัฐบาลจัดทำนโยบายและแผนปฏิบัติการระยะยาวเพื่อลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิในการมีสุขภาพอนามัยที่ดีของประชาชน โดยเสนอให้
- บังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
- สนับสนุนเกษตรกรลดการเผาในที่โล่ง
- พัฒนาเครื่องมือวัดและระบบแจ้งเตือนมลพิษอากาศที่เข้าถึงได้ทั่วประเทศ
กสม. ย้ำว่า ทั้งสองกรณีนี้สะท้อนปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเป็นระบบ พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐดำเนินการตามข้อเสนอโดยเร่งด่วน เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิซ้ำซากและสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของไทย.










