วันศุกร์, ธันวาคม 26, 2025
หน้าแรกข่าวประชาสัมพันธ์กสม. เสนอ 11 มาตรการเร่งด่วน แก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ถึงนายกฯ ชี้กระทบสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง จี้ออกกฎหมาย “อากาศสะอาด” และคุ้มครองกลุ่มเปราะบาง

Related Posts

กสม. เสนอ 11 มาตรการเร่งด่วน แก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ถึงนายกฯ ชี้กระทบสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง จี้ออกกฎหมาย “อากาศสะอาด” และคุ้มครองกลุ่มเปราะบาง


วันที่ 26 ธันวาคม 2568 — นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ติดตามสถานการณ์มลพิษทางอากาศจากฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) และเห็นว่ายังส่งผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนของประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสิทธิในการมีสุขภาพที่ดี มาตรฐานการครองชีพที่เพียงพอ และสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง

กสม. ระบุว่า ปัญหาฝุ่น PM 2.5 มีแหล่งกำเนิดจากหลายภาคส่วน ทั้งอุตสาหกรรม การคมนาคม การเกษตร การเผาในพื้นที่ป่า และมลพิษข้ามพรมแดน ซึ่งสร้างผลกระทบต่อสุขภาพ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง โดยธนาคารโลกประเมินว่า ความเสียหายทางสุขภาพจากมลพิษทางอากาศของไทยมีมูลค่ากว่า 1.4 ล้านล้านบาท หรือ 3.89% ของ GDP ประเทศ และก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจรวมกว่า 2.17 ล้านล้านบาทต่อครัวเรือน

ทั้งนี้ นางสาวพรประไพ กาญจนรินทร์ ประธาน กสม. ได้มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2568 เสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศจากฝุ่น PM 2.5 รวม 11 มาตรการสำคัญ ดังนี้

เร่งผลักดันร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด ให้มีผลบังคับโดยเร็ว
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามแผนขับเคลื่อนวาระแห่งชาติด้านฝุ่นละออง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2568–2570)
พัฒนาฐานข้อมูลคุณภาพอากาศแบบบูรณาการด้วยเทคโนโลยีดาวเทียม เพื่อระบุแหล่งกำเนิดมลพิษและแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์
กระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมงบประมาณและอุปกรณ์ตรวจวัดคุณภาพอากาศ เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่
ทบทวนมาตรการ “ห้ามเผาเด็ดขาด” โดยคำนึงถึงบริบทพื้นที่เกษตรและวิถีไร่หมุนเวียน พร้อมใช้เทคโนโลยี Fire-D จัดการการเผาอย่างยืดหยุ่น
ควบคุมโรงงานอุตสาหกรรมให้ใช้ระบบตรวจวัดมลพิษแบบต่อเนื่อง (CEMS) และเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ
ยกระดับมาตรฐานไอเสียรถยนต์เป็น EURO 6 และตรวจจับรถควันดำอย่างเข้มงวด
ส่งเสริมเทคโนโลยีจัดการเศษวัสดุการเกษตร พร้อมมาตรการจูงใจทางเศรษฐกิจ
สนับสนุนพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม และชีวมวล ลดการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล
จัดมาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อคุ้มครองกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง รวมถึงการปรับรูปแบบการเรียนการสอนช่วงค่าฝุ่นสูง
ผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศภายใต้กลไก ASEAN Haze Centre เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดน

กสม. ย้ำว่า สิทธิในการหายใจอากาศสะอาดเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน และรัฐบาลต้องดำเนินการเชิงรุกทั้งด้านกฎหมาย นโยบาย และการบังคับใช้จริง เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างยั่งยืน.

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts