วัชระ แฉ ผอ.โครงการก่อสร้างสภาฯ หงายเงิบ หลังถูก กก.ตรวจการจ้างตีกลับรายงานมั่วอ้างสร้างเสร็จสมบูรณ์ ทั้งที่งานผิดสเป๊คยังมีให้แก้อีกเพียบ
(26 มิ.ย.65) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า นายสาธิต ประเสริฐศักดิ์ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ประธานคณะกรรมการตรวจการจ้างโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่และอาคารประกอบเป็นประธานการประชุมเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.65เวลา 09.30 น. ที่ห้องกรรมาธิการหมายเลข CB 303
นายสุทธิพล พัชรนฤมล ผู้อำนวยการโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ตัวแทน บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ได้รายงานต่อคณะกรรมการตรวจการจ้างว่า ผลงานการก่อสร้างของบริษัท จากเดิมเสร็จ 99.98% นั้น บัดนี้สร้างครบถ้วนเสร็จสมบูรณ์แล้ว 100% จึงขอรายงานให้รับทราบ ปรากฏว่ามีกรรมการตรวจการจ้างบางคนยกมือคัดค้านว่ายังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ จะบอกว่าสร้างเสร็จ 100%ได้อย่างไร
นายสาธิตประธานที่ประชุมจึงรีบสรุปตัดบทว่า ให้กลับไปแก้ไขรายงาน ถือว่ากรรมการยังไม่ทราบ
นายวัชระ กล่าวว่าโครงการนี้ใช้เงินภาษีประชาชน 12,280 ล้านบาท สัญญาก่อสร้าง 900 วัน มีการต่อสัญญาก่อสร้าง 4 ครั้ง สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.63 วันนี้วันที่ 26 มิ.ย.65 ล่วงเลยกำหนดเวลาตามสัญญา 542 วัน ค่าปรับวันละ 12,280,000 บาท รวมเป็นเงินค่าปรับทั้งสิ้น 6,655,760,000 บาท อีกทั้งยังทราบข่าวว่าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายคนจากหลายหน่วยงานกำลังรวมหัวกันคิดค่าปรับเท่ากับ0% คือจะไม่ปรับผู้รับเหมาแม้แต่บาทเดียว หากทำได้เช่นนั้นก็ขอให้ประเทศไทยจงเจริญ
นายวัชระ กล่าวย้ำว่า ถึงวันนี้รวมระยะเวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 3,345 วัน ก็ยังก่อสร้างไม่เสร็จ แต่จะมีการรับงานมั่วๆว่าเสร็จสิ้นสมบูรณ์ 100% แบบนี้มีมาตรฐานถูกต้องตามระเบียบราชการหรือไม่ การที่นายสุทธิพลลักไก่อ้างว่าสร้างเสร็จ 100%นั้น ทำไมต้นไม้ตายถึง 347 ต้น นำมาปลูกหรือยัง ซึ่งต้องใช้เวลาในการอนุบาลและปลูกถึงวันส่งมอบงานต้องบวกไปอีก 16 เดือนจึงจะส่งมอบงานได้ หรือประตูกันเสียงตามห้องประชุมกรรมาธิการ 65 ห้อง ผนังกันเสียง 148 ห้อง ผิดสเปค ฯลฯ ได้แก้ไขให้ถูกต้องตามสัญญาหรือยัง จึงเห็นได้ว่านายสุทธิพลกำลังยัดเยียดให้คณะกรรมการตรวจการจ้างรับมอบงานว่าสร้างเสร็จสมบูรณ์100% แล้ว คณะกรรมการตรวจรับงานฯคนใดเห็นชอบก็ให้เตรียมตัวไปให้การต่อ ป.ป.ช. ได้เลย
ตนขอทำนายล่วงหน้าว่าเรื่องการทุจริตการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่จะมีข้าราชการระดับ 11 อย่างน้อย 2 คนที่จะต้องไปเป็นผู้ถูกกล่าวหา และท้ายที่สุดจะไปจบที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพร้อมกับคณะกรรมการตรวจการจ้างและบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้อง