วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกการเมืองจ่อฟ้อง กสทช.

Related Posts

จ่อฟ้อง กสทช.

สภาฯ ผู้บริโภคตบเท้าเครือข่าย 14 จังหวัด จ่อฟ้อง กสทช. ท้าดีเบตฟังเสียงรอบด้านก่อนลงมติ ปล่อยควบรวมธุรกิจ “ทรู-ดีแทค” ชี้ไม่ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ประชาชน “ยืนข้างนายทุน” ลอยแพค่าบริการ ทำตลาดโทรคมฯ ผูกขาดถาวร!

นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ ประธานคณะอนุกรรมการด้านการสื่อสาร สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) กล่าวในวงเสวนา “ผลกระทบการผูกขาดมือถือต่อสิทธิพลเมือง 5G” กล่าวว่า ประเด็นการควบรวมธุรกิจระหว่าง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ขณะนี้อยู่ที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กำลังจะมีมติพิจารณาในเรื่องดังกล่าว ทันทีที่คณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นเกี่ยวกับอำนาจของกสทช.ที่จะพิจารณาในเรื่องดังกล่าว

โดยในส่วนตัวมองว่า การทำหน้าที่ของ กสทช.ไม่เป็นไปตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญที่ต้องยืนอยู่ข้างประชาชนต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน ความมั่นคงของรัฐ และประโยชน์สาธารณะ รวมตลอดทั้งการให้ประชาชนมีส่วนได้ใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่ด้วย ดังนั้น สอบ.และเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค 14 จังหวัด กำลังจะยื่นฟ้องกสทช. เกี่ยวกับการทำหน้าที่ของกสทช.ในประเด็นการพิจารณาการควบรวมดังกล่าว

นอกจากนี้ สุภิญญา ยังระบุว่า จำเป็นต้องสร้างการรับรู้ในทุกๆ ภาคส่วนเกี่ยวกับดีลครั้งนี้ เพราะไม่ได้มีเพียงแค่ภาคผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบ แต่ยังมีกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ที่หากอัตราราคาค่าบริการเพิ่มขึ้น 10-20 บาท ก็มีผลต่อการดำรงชีวิตแล้ว อีกทั้ง ยังมีกลุ่มเปราะบางที่เป็นผู้พิการ ซึ่งคนกลุ่มนี้จำเป็นต้องได้ใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นหลักในการติดต่อสื่อสาร ดังนั้น หากควบรวมกันสำเร็จและราคาสูงขึ้น กลุ่มเหล่านี้อาจจะต้องไม่ถูกลืม

“เสนอให้ กสทช.จัดเวทีเปิดรับฟังความเห็นต่อเรื่องนี้ไปยังต่างจังหวัด เพราะเรื่องการควบรวมมันส่งผลถึงคนทั้งประเทศ ซึ่ง กสทช.มีสำนักงานภูมิภาค 20 จังหวัด บอร์ด กสทช.ควรจะมอบนโยบายสั่งลงมา เพราะอย่าลืมว่า ภาคประชาชนมีหลายมิติและทุกกลุ่มควรมีสิทธิได้แสดงเจตนารมย์ของตัวเอง”

นอกจากนี้ สุภิญญา กล่าวอีกว่า การเรียกร้องของ สอบ.ไม่ใช่แต่อยู่ในมุมของการดีลการควบรวมแต่ในอนาคตอีก 1-2 ปีโลกจะเข้าสู่ยุค IOT อย่างเต็มรูปแบบการใช้ชีวิตต้องพึ่งพิงกับอินเทอร์เน็ตตามพลวัตของโลก ดังนั้น สิทธิพลเมืองและเสียงของประชาชนจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ กสทช.หรือแม้แต่รัฐบาลเองไม่ควรเพิกเฉย และการรวมกันของ สอบ.และเครือข่าย 14 จังหวัดจะช่วยให้เสียงที่ส่งออกมาทรงพลังมากขึ้น และก่อนที่จะ กสทช.จะลงมติต่อดีลการควบรวมทรูและดีแทคอย่างไรนั้นควรฟังเสียงของประชาชน และต้องเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นเรื่องนี้อย่างกว้างขวางและกระจายลงไปได้ทุกย่อมหญ้า

สภาฯ สวน 5 เหตุผล จากผู้บริโภคถึงผู้ขอควบรวม ซัดโฆษณาชวนเชื่อพูดแต่ประโยชน์เอกชน

ด้าน นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการ สอบ. กล่าวเสริมว่า นอกจากที่ สอบ.และเครือข่าย 14 จังหวัดจะยื่นฟ้อง กสทช.แล้ว สอบ.จะร่วมกับพรรคก้าวไกลในการยื่นฟ้องการทำหน้าที่ของ กสทช.ในครั้งนี้ด้วย สำหรับประเด็นการควบรวมทรูและดีแทคนั้น ตนขอชี้แจงในมุมของผู้บริโภคว่า ทรูเคยส่งข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับ 5 ข้อดีของการควบรวม แต่ในมุมกลับกันต้องมองว่าผู้บริโภคจะเสียอะไรไปบ้างหากการควบรวมสำเร็จ โดยทาง สอบ.ก็มี 5 เหตุผลที่ไม่ควรอนุญาตให้ควบรวม

1.ค่าบริการสูงขึ้นแน่นอน เพราะจากการรายงานของอนุกรรมการ กสทช.ด้านเศรษฐศาสตร์ และด้านคุ้มครองที่ กสทช.ตั้งขึ้นมานั้น ก็ระบุว่าค่าบริการมีแนวโน้มสูงสุด สอดคล้องกับหลายๆหน่วยงานที่ระบุ ว่าจะเพิ่มขึ้น 12-224% ดังนั้น เมื่อ กสทช.ยังไม่มีหลักประกันอะไรที่จะการันตีได้ว่าอัตราค่าบริการจะไม่สูงขึ้น การกำกับโปรโมชั่น และช่องทางการจัดจำหน่ายที่ต้องไม่เพิ่มภาระให้ผู้บริโภค กสทช.ไม่มีแผนเป็นรูปธรรม ดังนั้น จึงไม่ควรปล่อยให้เกิดการควบรวม

2.การควบรวมครั้งนี้คือการรวมกันของผู้ประกอบการรายที่ 2 และ 3 ในตลาด และหลังควบรวมจะมีผู้ให้บริการรายใหญ่เหลือ 2 ราย คือ เอไอเอส และบริษัทใหม่ของทรูและดีแทค ที่จะมีส่วนแบ่งทารการตลาดเกิน 50% ทำให้ผู้บริโภคไม่มีทางเลือกในการใช้บริการ และแม้จะอ้างว่า ยังเหลือบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด หรือ เอ็นที และมี MVNO อื่นๆ อีก 2 ราย ก็ไม่ได้สะท้อนการแข่งขันที่แท้จริงได้ ซึ่งหากปล่อยให้เกิดการควบรวมสภาวะตลาดจะเข้าสู่ระบบผูกขาดถาวร

3.การที่เอกชนอ้างว่าสาเหตุที่ต้องควบรวมเพราะธุรกิจโทรคมนาคมไม่ได้ทำกำไรแล้ว ดังนั้น การจะไปสู่บริษัทเทคโนโลยีจำเป็นต้องควบรวมกันนั้น ไม่จริงเสมอไปเพราะปัจจุบันแม้รายได้จากบริการด้านเสียง (Voice) ลดลงในช่วงที่ผ่านมา แต่รายได้จากบริการด้านข้อมูล (Data) ยังอยู่ในระดับที่สูง แสดงว่าผู้ประกอบการยังสามารถสร้างรายได้จากธุรกิจนี้อยู่ และโครงข่ายโทรคมนาคมยังถือเป็นอินฟราสตรัคเจอร์ สำคัญสำหรับการหารายได้

4.กลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มนักเรียนที่ต้องใข้อินเทอร์เน็ตสำหรับการศึกษาจำเป็นต้องเติมเงินวันละ 30 บาท หรือเดือนละ 900 บาท ในประเด็นนี้ กสทช.หรือทั้งทรูและดีแทค ยังไม่เคยมีแผนหรือมาตรการในการคุ้มครองดูแลคนเหล่านี้ และหากเมื่อมีการควบรวมแล้วจะยิ่งทำให้ประชาชนในกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบหนัก

5.การควบรวมครั้งนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะกสทช.มีอำนาจตามประกาศมิให้ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมกระทำการอย่างใดอันเป็นการผูกขาด หรือลด หรือจำกัดการแข่งขันในการให้บริการกิจการโทรคมนาคม ซึ่งรวมถึงการสั่ง “อนุญาต” หรือ “ไม่อนุญาต” การควบรวมธุรกิจของผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมด้วย อีกทั้ง กสทช. มีหน้าที่ในการนำหลักเกณฑ์ของประกาศป้องกันการผูกขาด ปี 2549 และประกาศควบรวมธุรกิจ 2561 มาใช้ควบคู่กัน

“กสทช.ควรเปิดเวทีดีเบตข้อดี-ข้อเสียการควบรวมธุรกิจในครั้งนี้ ให้ผู้บริโภคเข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุด เพราะผู้บริโภคคือคนที่ต้องรับภาระปลายทาง และเมื่อมีเวทีดีเบตแล้ว มีคนพูดถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นหากปล่อยให้ควบรวม กสทช.จะไม่ฟังเสียงประชาขนเชียวหรือ จะมีความเห็นยืนคนละฟากกับประชาชนหรือ กสทช.ควรดำรงไว้ซึ่งเกียตริภูมิของตัวเอง เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและชาติ”

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts