เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 ก.พ. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม.ชาวบ้านหนองซอน อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม จำนวนกว่า 20 คนเดินมาด้วยรถบรรทุกผลิตผลการเกษตรประเภท พริกแห้งหอมกระเทียม เข้าพบ ร.ต.อ.เลิศวรรธน์ อัครภูมิชัย รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ป. แจ้งความกรณีที่ถูกกลุ่มหญิงแสบในหมู่บ้านเดียวกันฉ้อโกง หลอกให้ลงทุนนำเงินไปปิดหนี้แทนลูกค้า ธกส.แลกผลตอบแทนดอกเบี้ยร้อยละ 3 ใช้เวลาแค่ 7-14 วัน ได้กำไรงามๆ
นาง เอ. ตัวแทนผู้เสียหายเปิดเผยว่า ชาวบ้านที่มาแจ้งความกองปราบปรามวันนี้ถูกนางพัช และพวก ที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันฉ้อโกงชาวบ้านทั้งตำบล เหตุเกิดระหว่างเดือน มิ.ย.- พ.ย.65 โดยมีนาง พัช และนางชัช นามสมมุติ เป็นผู้มาชักชวนให้ไปพบ นางพรพิศ นางลำใย นางปิยวรรณ นางจันทร์เพ็ญ นางสมจิตร ซึ่งอ้างว่าเป็นนายหน้า พาลูกค้าอ้างว่าเป็นลูกหนี้ ธกส.อยู่ ต้องการจะปิดหนี้ ใครสนใจที่จะร่วมลงทุนปิดหนี้ ธกส. สาขาโกสุมพิสัย กับเขาบ้าง โดยหลอกว่าจะให้ผลตอบแทนดี ใช้เวลาแค่ 7-14 วัน จะได้เงินต้นทั้งหมดคืนพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 3 โดยมีการทำสัญญากู้ยืมไว้เป็นหลักฐาน
ซึ่งตอนแรกๆ ชาวบ้านที่นำเงินไปลงทุนจะได้รับเงินต้นและดอกเบี้ยตามเขาอ้างจริง ทำให้ชาวบ้านคนอื่นๆ หลงเชื่อ นำเงินทุนจากการประกอบอาชีพค้าขายสินค้าทางเกษตร มาลงทุนปิดหนี้ลูกค้า ธอส.ที่นางพัช พามากันจำนวนมาก
โดยอ้างว่ามีลูกค้าอีกหลายคนต้องการปิดหนี้ ช่วงแรกเงินออกตามปกติ ไม่ได้ติดปัญหาใด นอกจากนี้ยังได้ชักชวนให้นำเงินไปปล่อยกู้ในกรณีลูกค้าเร่งด่วนหลายครั้ง และอ้างว่าลูกค้าต้องการปิดหนี้ ด่วนและหัวหน้าธกส.โกสุมพิลัยต้องการผลงาน
จนกระทั่งประมาณกลางเดือน ก.ย. เงินคืนชาวบ้านไม่ออกตามเวลาที่นัด นางพัช และพวกให้เหตุผลว่าเจ้าหน้าที่ ธอส.ป่วยติดโควิด-19 ไม่สามารถจ่ายเงินได้ เดือน ต.ค.เงินคืนออกตามปกติ
จน พ.ย.เงินไม่ออก อ้างว่าน้ำท่วมน้ำท่วมเจ้าหน้าที่ ธกส.โกสุมพิสัย ต้องออกไปตรวจที่ลูกค้า ทำให้เงินออกไม่ทัน สอบถามหลายครั้งว่าเมื่อไรจะคืนเงิน ปรากฎว่านางพรพิศและพวกบ่ายเบี่ยง
ด้วยความสงสัยในพฤติกรรมจึงไปสอบถามข้อเท็จจริงจากธนาคารเพื่อการเกษษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาโกสุมพิสัย จึงทราบว่านางพรพร้อมพวกไม่ได้นำเงินที่ยืมจากชาวบ้านไปทำการปิดหนี้ และไม่ได้ยื่นเรื่องขอกู้เงินจากธนาคารฯตามที่กล่าวอ้างกับชาวบ้านแต่อย่างใด จึงไปแจ้งความได้ที่ สภ.โกสุมพิสัย ภ.จว.มหาสารคามแล้วจำนวนกว่า 25 คน มูลค่าความเสียหายร่วมกว่า 30 ล้านบาท
พวกเราเชื่อว่าน่าจะทำกันเป็นกระบวนการ มีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนมาหลอกลวงชาวบ้านทั้งตำบลจนทำให้หลงเชื่อมอบเงินให้กลุ่มนางพรไปลงทุนปิดหนี้ เกรงว่าคดีจะไม่คืบหน้า จึงมาแจ้งความตำรวจกองปราบปราบ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางช่วยทำคดีนี้ ให้ความช่วยเหลือชาวบ้านด้วย
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน บก.ป.แจ้งความคดีนี้มีการแจ้งความพนักงานสอบสวนในท้องที่เกิดเหตุแล้วเป็นอำนาจการสอบสวนของท้องที่ ถ้าจะให้กองปราบปรามรับทำคดี แนะนำให้ผู้เสียหายทำหนังสือร้องขอโอนคดีถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งลงมาให้กองบังคับการปราบปรามทำคดีนี้แทน