กลุ่มองค์กรพันธมิตรการพัฒนาเศรษฐกิจการใช้น้ำ และกลุ่มเกษตรกรชาวสวน … รวมตัวขอร้องให้สื่อมวลชนช่วยนำเสนอ ”ข่าวซ้ำอีกครั้ง” โดยก่อนหน้านี้ เคยขึ้นป้ายประจาน มรข้อความระบุว่า
“ …พวกกูรอใช้น้ำอยู่!…
โปรดอ่านและช่วยกันแชร์ โครงการคลองส่งน้ำ ระยะที่ 3 นี้ เป็นโครงการที่ดีมาก แต่บริษัทที่มาทำงานมันแย่ สร้างความฉิบหายให้ชาวบ้านมา 3 ปีแล้ว โคตรช้า โดยอ้างเรื่องแก้แบบและโยนกันไปมาระหว่างหน่วยงานราชการ แต่ผู้ได้รับความฉิบหายคือชาวบ้านที่รอใช้น้ำมา 3 ปีแล้ว ผู้อำนวยการชลประทาน เขต 9 และอธิบดีกรมชลประทานช่วยลืมตาดูบ้าง (แหกตาดูบ้าง) อย่าให้อะไรมาทับตาอยู่ จนลืมตาไม่ขึ้น ชาวบ้านรอใช้น้ำ ทำสวนขาดทุน ตาย หมดแล้ว ท่านนายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา ช่วยชาวบ้านด้วยครับ”
จากเหตุการณ์นี้ทีมสื่อมวลชนเคยลงพื้นที่ทำข่าวมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อประมาณช่วงต้นปี 65 โดยเมื่อครั้งที่ผ่านมาชาวบ้านได้ขอให้สื่อมวลชนช่วยนำเสนอข่าว จากกรณีชาวบ้านในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน จากโครงการก่อสร้างคลองส่งน้ำระยะที่ 3 ดำเนินการโดยสำนักชลประทานที่9 อยู่ในพื้นที่ช่วง ต.หนองตาคง และ ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน และ ต.ทรายขาว อ.สอยดาว สำหรับโครงการนี้เป็นโครงการที่ดีและเป็นความหวังของชาวสวนลำไยที่รอใช้น้ำ หวังว่าผลผลิตที่ปลูกจะได้ผลดี สร้างรายได้เพิ่มมากขึ้นหากมีน้ำเข้ามาถึงพื้นที่ แต่ความหวังก็กลายเป็นความฝันเนื่องจากรอมานานกว่า 3 ปีแล้วยังไม่ได้ใช้น้ำ จนผู้นำและชาวบ้านทนไม่ไหวต้องขึ้นป้ายประจานและขอความเห็นใจจาก นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หนำซ้ำเมื่อร้องเรียนผ่านสื่อ ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลโครงการ รับปากกับผู้วว่าราชการจังหวัด ผู้นำท้องถิ่น และชาวบ้านแบบส่งเดชแบบขอไปที โดยให้ความหวังว่าขอเวลาเพียง 120 วันจะดำเนินการทุกอย่างให้แล้วเสร็จชาวบ้านจะได้ใช้น้ำอย่างแน่นอน..!! เวลาล่วงเลยผ่านไป ผู้อำนวยการสำนักชลประธานที่รับผิดชอบได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งที่อื่น ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีย้ายไปรับตำแหน่งใหม่ที่จังหวัดอื่นเช่นกัน ความหวังของชาวบ้านก็พังทลายเหมือนหน่วยงานราชการเขียนฝันเอาไว้ให้แล้วก็ลบทิ้ง..!!
ล่าสุดวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณถนนสายยุทธศาสตร์เรียบชายแดน สาย 3405 ช่วงบ้านแหลมใหม่ ซึ่งเป็นจุดที่คลองส่งน้ำผ่าน มีการก่อสร้างทางเบี่ยงทิ้งไว้ จุดนี้เกิดอุบัติเหตุมาแล้ว 15 ครั้ง ล่าสุดมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย มีพระสงฆ์เสียชีวิต1ราย และแม่ชีเสียชีวิตอีก1ราย ร่องน้ำหรือรางน้ำที่ทำเอาไว้ถูกดินสไลด์มาปกคลุมจนมิด ไม่เหลือร่องรอยของรางน้ำ บริเวณใต้สะพานเศษดินเข้าไปทับถมจนแน่นปิดทางน้ำไปหมด
ถ้าหากจะต้องดำเนินการต่อ ก็จะต้องใช้งบประมาณซ้ำซากและทำในพื้นที่เดิมๆเพื่อขุดรอกร่องน้ำใหม่อีกครั้ง
ทางด้าน ดร.รัฐวิทย์ ตั้งเกียรติพชร (อ่านตั้งเกียติพะชะระ) นายกสมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนไทย-กัมพูชาจันทบุรี
ให้ข้อมูลและซัดหนักถึง อธิบดีกรมชลว่าเคยรับรู้รับทราบปัญหาเรื่องนี้บ้างหรือไม่..
โดยกล่าวว่า .. โครงการนี้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2558 และจะต้องแล้วเสร็จตามสัญญาปี 2562 แต่เวลาล่วงเลยมานานก็ยังไม่แล้วเสร็จ ชาวสวนที่รอใช้น้ำมีอยู่ประมาณกว่า 500 สวน หลังจากที่ร้องเรียนไปแล้วนั้น ทางผู้อำนวยการสำนักชลประธานที่9 เคยลงมาเจรจาและรับปากกับผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี รวมถึงผู้นำชุมชนผู้นำท้องถิ่นว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน และรับปากกับผู้ว่าฯจะดำเนินการซ่อมถนนที่ก่อสร้างทิ้งไว้ให้แล้วเสร็จ แต่ก็ไม่ได้ทำจนเกิดอุบัติเหตุซ้ำหลายครั้ง โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบอ้างว่าสาเหตุที่ช้าเพราะต้องแก้แบบ และแก้แบบอยู่หลายครั้ง ซึ่งทางชาวบ้านคิดว่านี่เป็นข้ออ้างมากกว่า
อยากให้ทาง สตง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาแก้ระเบียบใหม่ จากการที่บริษัทผู้รับเหมาฟันงาน ทางลัดคิดว่าจะประหยัดงบไปได้เป็นร้อยล้าน แต่กลับกลายเป็นเพิ่มปัญหาทำให้ชาวสวนต้องขาดทุนเสียหายกว่า 800ล้าน หากครั้งนี้ทางหน่วยงานยังไม่ดำเนินการให้แล้วเสร็จตามที่รับปากกับชาวบ้านไว้ กลุ่มเกษตรกรจะรวมตัวกันเดินทาง ไปเรียกร้องที่หน้าบ้านของอธิบดีกรมชล และที่หน้าสำนักงานชลประธานอย่างแน่นอน.. ดร.รัฐวิทย์ กล่าว