“…หลายเรื่องราวที่เป็นภาพลบของ กกต.ปรากฏออกมาเรื่อยๆ ในขณะที่กกต.ชุดแรกๆ เป็นที่ชื่นชมของผู้คน เพราะทำงานเอาจริงเอาจัง ได้รับความเชื่อถือ แต่ชุดหลังๆกลับถูกวิเคราะห์ วิจารณ์จับผิด สะท้อนภาพถึงความไม่ไว้วางใจกกต. เริ่มเกิดขึ้นแล้ว กกต.ควรต้องตรวจสอบองค์กรตัวเองบ้างแล้วนะ ก่อนที่จะตรวจสอบคนอื่น…”
นับตั้งแต่เรื่อง 6 กกต.บินดูงานต่างประเทศช่วงใกล้เลือกตั้ง เช่น นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. เดินทางไปประเทศแถบทวีปแอฟริกา นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ และนายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี เดินทางไปประเทศฮังการี และสโลวาเกีย ส่วน นายปกรณ์ มหรรณพ เดินทางไปประเทศเยอรมัน และสวิตเซอร์แลนด์ นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ เดินทางไปสหรัฐอเมริกา และ นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ เดินทางไปนิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย
ทั้งนี้การเดินทางดังกล่าว ถูกเจ้าหน้าที่ภายในสำนักงาน กกต.วิพากษ์วิจารณ์ว่า อาจไม่มีความเหมาะสม เพราะที่ผ่านมาจะมีการมอบ กกต. 2-3 คนเท่านั้นให้เดินทางไปต่างประเทศ เพราะไปแต่ละครั้งใช้งบสูง แต่ครั้งนี้ กกต.ทั้ง 6 คน กลับเดินทางไปกันหมด อีกทั้งมองว่าช่วงเวลาที่เดินทางไปยังเป็นขั้นตอนการลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งนอกราช หรือการลงทะเบียนเพิ่งเสร็จสิ้น หากจะเดินทางไปควรไปช่วงที่มีการส่งบัตรเลือกตั้งไปยังประเทศต่าง ๆ และกระจายบัตรไปยังผู้ที่ลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์ไว้ หรือช่วงเวลาที่สถานทูตกำหนดให้มาใช้สิทธิ์ จะเป็นประโยชน์มากกว่าหรือไม่ ขณะเดียวกันยังมีอีกหลายปัญหาที่รอการวินิจฉัยจากที่ประชุม กกต.
แม้ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. จะยืนยันความจำเป็นในการเดินทางไปดูการเตรียมการณ์เลือกตั้งในต่างประเทศ และงบที่ใช้อยู่ในวงเงินที่กำหนดไว้ และเป็นงบที่ผ่านการพิจารณาอนุมัติของสภาแล้ว การดูงานของกกต.ทั้ง 6 คนก็ไม่ได้ไปพร้อมกัน มีการเหลื่อมเวลากันอยู่
แต่ไม่ได้ทำให้ความแคลงใจและความเชื่อมั่นใน กกต.ชุดนี้ ในความรู้สึกของประชาชนส่วนหนึ่ง เกิดผลในเชิงบวกอย่างที่ควรจะเป็น ไม่ว่าจะเป็น นายศรีสุวรรณ จรรยา ที่ยื่นเรื่องร้องไปยังปปช.ให้มีการตรวจสอบพร้อมยกข้อพิรุธหลายข้อ
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นเรื่องถึงประธาน กกต.ให้ชี้แจงเรื่องงบประมาณที่ใช้ รวมถึงให้เปิดรายชื่อคณะดูงานที่ร่วมเดินทาง
“เรื่องที่นายวัชระ เพชรทอง ให้เปิดเผยรายละเอียด ไม่ใช่เฉพาะงบฯ ที่ใช้ แต่ยังรวมไปถึงเรื่องเปิดเผยรายชื่อคณะเดินทาง หลังจากเคยพบวิธีการหนีบ “เด็กนาย” หรือ ”กิ๊ก” ของ ส.ว.บางคณะ ที่เป็นข่าวฮือฮาอยู่พักใหญ่ สะท้อนเส้นสายที่ใหญ่มาก มีชื่อเป็นผีไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อหวังได้เวลารับราชการแบบทวีคูณ แต่ตัวจริงกลับชิลด์ ๆ อยู่กับ ส.ว.ผู้ทรงเกียรติในกรุงเทพฯ”
ขณะที่ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล รวมทั้ง นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์พรรคเสรีรวมไทย และในอดีต กกต.ก็มีประเด็นค้างคาใจ หวังให้ กกต.แจกแจงเพื่อให้เกิดความกระจ่าง
อีกทั้งมีข้อสงสังเรื่องประเทศที่ กกต.เดินทางไป อ้างเพื่อดูความพร้อม กลับเลือกเฉพาะประเทศที่มีความหรูหรา ทันสมัยน่าไปท่องเที่ยว อย่างสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมัน และสวิตเซอร์แลนด์ ทั้งๆที่ 3 อันดับแรกที่คนไทยขึ้นทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุด 3 ประเทศในปี 2562 คือ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และจีน แต่กับไต้หวัน มีคนไทยอาศัยอยู่ 80,000 คน กลับไม่ไป หรือแม้แต่เกาหลีใต้มีคนไทยหลายหมื่น หรือมาเลเซียที่เคยมีปัญหาในอดีต กกต.กลับไม่เลือกเดินทางไป
แม้ด้านหนึ่ง นายอิทธิพร ประธาน กกต. คงหวังจะลดแรงเสียดทาน หาก กกต.ไปเฉพาะประเทศที่มีความศิวิไลย์ จึงเลือกเดินทางไปดูงานที่ประเทศแอฟริกาใต้ เคนย่า และโมร็อคโค แทน แต่เพราะความไม่เชื่อมั่นในองค์กร คือกกต.ถูกสะสมมานาน จึงปฏิเสธไม่ได้ ที่จะถูกนำมาวิพากษ์และตั้งข้อสงสัยอยู่ดี
ขณะที่ปัญหาระบบเวลาของ กกต.ล่ม ในการลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าวันสุดท้าย 9 เม.ย.2566 ทำให้ประชาชนบางส่วน ไม่สามารถลงทะเบียนได้ตามกำหนดเวลาที่วางไว้ถึงเที่ยงคืน ถือเป็นกรณีล่าสุด ที่ทำให้เกิด “งานเข้า” กกต. หลังจากก่อนหน้านี้ ก็มีเรื่องเอาคนต่างด้าวที่ไม่มีสิทธิลงคะแนนไปคิดรวมในการแบ่งเขตเลือกตั้งส.ส.มาแล้ว
ล่าสุดผู้สมัครส.ส.โวย ตัวเองอยู่พรรคก้าวไกล แต่กกต.ทำป้าย มีชื่อ รทสช.อยู่เหนือรูป ขอให้แก้ไข กลัวคนสับสน
โดยเมื่อวันที่ 27 เมษายน นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 9 (เขตบางเขน ยกเว้นแขวงท่าแร้ง เขตจตุจักร เฉพาะแขวงจันทรเกษม และแขวงเสนานิคม เขตหลักสี่) เบอร์ 10 พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ภาพเอกสารรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.เขต ที่ กกต. ส่งให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ลงทวิตเตอร์ส่วนตัว
ซึ่งปรากฏว่า ในเอกสาร พบชื่อของ พรรครวมไทยสร้างชาติ กลับอยู่ติดด้านบนของภาพ นายศุภณัฐ ผู้สมัครพรรคก้าวไกล
นายศุภณัฐระบุว่า “กกต. จงใจทำให้สับสนหรือป่าว ? แก้ไขให้ถูกต้องด้วยครับ หวังว่าการเลือกตั้งจะโปร่งใส ยุติธรรม”
สำหรับ กกต.หรือคณะกรรมการเลือกตั้ง เป็นหนึ่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่ฉบับปี 2540 กกต.ถูกตั้งขึ้นโดยมีเป้าหมายสำคัญสำหรับดำเนินการและจัดการเลือกตั้งแทนที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นกลไกของรัฐบาล ที่ถูกมองว่าสามารถใช้อำนาจและกลไก รวมถึงเจ้าหน้าที่ในสังกัดเอื้อประโยชน์ต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้
กกต.ชุดแรกๆ เป็นที่ชื่นชมของผู้คน เพราะเอาจริงเอาจัง ได้รับความเชื่อถือ แต่ชุดหลังๆกลับถูกวิเคราะห์ วิจารณ์จับผิด สะท้อนภาพถึงความไม่ไว้วางใจกกต. เริ่มเกิดขึ้นแล้ว กกต.ควรต้องตรวจสอบองค์กรตัวเองบ้างแล้วนะ ก่อนที่จะตรวจสอบคนอื่น!!!
#สืบจากข่าว : รายงาน
