ประชาชนหลั่งไหลเดินทางมารอรับ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” บริเวณหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2565 ที่บริเวณด้านหน้าเรือนจำกรุงเทพมหานคร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีประชาชนหลั่งไหลเดินทางมารอรับ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” อย่างต่อเนื่อง อาทิ นักกิจกรรมยืน หยุด ขัง, กลุ่มศิลปินเพลงเพื่อราษฎร, นางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือ ป้าเป้า ทะลุกี, นายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง, นายธัชพงศ์ แกดำ หรือบอย, นายธนพัฒน์ กาเพ็ง หรือปูน พร้อมสมาชิกทะลุฟ้า, นายแซม สาแมท นักเคลื่อนไหวไร้สัญชาติ โดยเฉพาะ นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ หรือแม่สุ มารดาของ “เพนกวิน”
ภายหลังทนายความของ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” ได้เข้ายื่นเอกสารยืนยันการศึกษาและการเตรียมสอบเพื่อจบการศึกษาของนายพริษฐ์ ต่อศาลประกอบคำร้องขอปล่อยชั่วคราวชั้นพิจารณาคดีอาญาหมายเลขดำ 1180 /2564 โดยศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราว เพื่อให้โอกาสจําเลยได้ออกไปศึกษา ในภาคการศึกษาที่ 2 ปีการศึกษา 2564 โดยมีกำหนด 3 เดือน (ครบกำหนดวันที่ 24 พ.ค.65) ตีราคาหลักประกัน 200,000 บาท พร้อมเงื่อนไข ห้ามจําเลยทำกิจกรรมหรือกระทำการใด ๆ อันจะทำให้เกิดความเสื่อมเสียหรือด้อยค่า ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และสถาบันศาลในทุกด้าน, ห้ามกระทําการใด ๆ อันเป็นการขัดขวางกระบวนพิจารณาคดีของศาล, ห้ามจำเลยที่ 1 โพสต์ข้อความปลุกปั่นในสื่อโซเชียลมีเดีย หรือเข้าร่วมชุมนุมที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง, ห้ามจําเลยที่ 1 ออกนอกเคหสถานในช่วงเวลา 18.00 น. ถึงเวลา 06.00 น.ของวันใหม่เว้นแต่มีเหตุจำเป็นเพื่อการรักษาพยาบาลหรือได้รับอนุญาตจากศาล, ห้ามจําเลยที่ 1 เดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล และให้ติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ EM เพื่อจำกัดระยะเวลาเดินทาง โดยศาลให้มีหนังสือแจ้วสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบด้วย
ทั้งนี้หากจําเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าว ศาลอาจมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงหรือเพิกถอนคําสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราวอันมีเวลาจํากัดและเมื่อครบกําหนดปล่อยตัวชั่วคราวให้จําเลยที่ 1 มารายงานตัวต่อศาล และให้นายประกันส่งตัวจําเลยที่ 1 มาศาลในวันที่ 24 พ.ค.65 เวลา 10.00 น.
กระทั่งเวลา 19.15 น. นายพริษฐ์สวมเสื้อยืดสีขาวเดินเท้าพ้นเรือนพิเศษกรุงเทพฯ พร้อมกับนางสุรีย์รัตน์ ผู้เป็นมารดา และ น.ส.พลอยวรินทร์ ชิวารักษ์ น้องสาว ที่นำดอกกุหลาบขาวเข้าไปรอรับในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยนายพริษฐ์หิ้วตะกร้าที่ใส่ลูกแมวออกมาด้วย ก่อนชู 3 นิ้ว ให้มวลชนที่รอรับ
นายพริษฐ์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงความรู้สึกที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวว่า รู้สึกมีอิสรภาพอีกครั้ง และอบอุ่นมาก ก่อนอื่นต้องขอบคุณพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน ทุกภาคส่วนที่คอยสนับสนุน เป็นกำลังใจให้ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้รับน้ำใจจากพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนในวันนี้ โดยเฉพาะน้ำใจของพี่น้องประชาชนที่ร่วมกันบริจาค
“ขอบคุณพ่อแม่พี่น้อง ขอบคุณน้ำใจและทุกกำลังใจ ทุกการสนับสนุนช่วยเหลือที่หลั่งไหลมา ต้องยอมรับว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาค่อนข้างขมขื่นสำหรับผม แต่ว่าวันนี้ผมผ่านมาได้ด้วยน้ำใจของพี่น้องทุกคน ไม่ว่าพ่อแม่พี่น้องที่ยืนหยุดขัง ทำกิจกรรมเรียกร้องให้มีการปล่อยตัว คืนความยุติธรรม ดีใจมากที่พี่น้องกลุ่มนั้นได้มาต้อนรับอิสรภาพของผม ทั้งนี้ต้องขอบคุณพี่น้องที่ระดมทุนเงินประกันตัว มีพี่น้องจำนวนมากโอนเงินมาคนละ 112 บาทบ้าง คนละ 1,000 กว่าบาทบ้าง เงินร้อยเงินพัน รวมกันได้ถึง 13 ล้าน ผมรู้สึกว่าเป็นกำลังใจมาก และเป็นการแสดงให้เห็นว่า ‘ราษฎรเรายังไม่ตาย’ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แม้จะขังคนพูดความจริง สุดท้ายต้องขอบคุณพี่น้องเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ไม่ว่าตำรวจ พี่มาถอดอายัดให้เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ศาล ที่อำนวยความสะดวกในเรื่องการพบญาติ สำคัญที่สุดคือเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ทุกท่าน ตั้งแต่ ผบ.เรือนจำ” นายพริษฐ์ กล่าว
“เราอยากให้เกียรตินักโทษทางความคิด เราไม่ได้ทำอะไรผิด เราไม่ใช่อาชญากร อิสรภาพที่ถูกพรากไป พี่น้องประชาชนเห็นกันอยู่ รู้ว่าเป็นเพราะอะไร สุดท้ายผมยินดีที่ได้กลับมา ยืนเคียงข้างพี่น้องอีกครั้ง ไม่ว่าพี่น้องทางสายเลือด หรือทางอุดมการณ์ ผมเชื่อว่าราษฎรยังไม่ตาย ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย และการต่อสู้ของประชาชนจะดำเนินต่อไป” นายพริษฐ์กล่าว
ถามว่าเมื่อวานผิดหวังหรือไม่ที่ไม่ได้รับการประกันตัว? นายพริษฐ์เปิดเผยว่า ก็เรื่อยๆ อย่างที่เรารู้กันว่าการตกเป็นผู้ต้องขังทางการเมืองเหมือนกการเป็นเชลย เป็นแต้มแต้มหนึ่งให้ฝ่ายผู้มีอำนาจเล่น เราไม่ได้ยึดติดอะไร นักสู้อยู่ที่ไหนก็สู้ได้
เมื่อถามว่า นายอานนท์ นำภา ได้ฝากข้อความอะไรหรือไม่? นายพริษฐ์กล่าวว่า ตนขอฝากผ่านทางพี่น้องมวลชนว่าวันนี้เป็นวันที่น่าดีใจสำหรับตน แต่ว่ายังมีพี่อานนท์ และนักโทษการเมืองอยากให้ความสำคัญกับคนที่อยู่ข้างหลังกำแพง
“พี่อานนท์ พี่ชายที่แสนดีของผม ที่คอยดูแลให้กำลังใจผมมาตลอด นอกจากพี่อานนท์ยังมีนักโทษทางการเมืองอีกหลายท่านที่ยังไม่ได้รับความยุติธรรม พี่ทวี เที่ยงวิเศษ หรือพี่อาทิตย์ ทะลุฟ้า ก็คอยดูแลผม แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้รับประกันตัว คดีของเขาก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ทะลุฟ้า ทะลุแก๊ส คดีการเมือง คดีเสื้อแดง คดีอื่นๆ ที่เป็นเหมือนกับผม คือถูกคุมขังทั้งที่ยังไม่ได้มีความผิดอะไร ผมว่าพี่น้องที่ได้ร่วมฝ่าฟัน ต่อสู้ในเรือนจำมา ควรจะได้รับความเป็นธรรมเหมือนผม” นายพริษฐ์ กล่าว