เมื่อวันที่ 18 ก.ย.2566 หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน เดินทางเยือนรัสเซียเป็นเวลา 4 วัน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียจะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งในเดือนต.ค.นี้
โดย รมว.กระทรวงการต่างประเทศจีน มีกำหนดการพบปะกับนายนิโคไล ปาตรูเชฟ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย เพื่อหารือด้านความมั่นคงประจำปี และเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง ของผู้นำรัสเซีย เพื่อร่วมการประชุมหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ตามคำเชิญของปธน.สี ระหว่างเยือนกรุงมอสโกเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
หากยังจำกันได้ ในการเยือนกรุงมอสโกเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาของ ปธน.สี นับเป็นเหตุการณ์ใหญ่ที่ทั่วโลกจับตามอง ในความเคลื่อนไหวซึ่งถูกมองว่าเป็นสัญญาณการจับมือต้านอิทธิพลตะวันตก และชูบทบาทของจีนในฐานะมหาอำนาจที่เป็นผู้นำด้านสันติภาพ
การพบกันในครั้งนั้น ผู้นำทั้งสองร่วมหารือกันนานถึง 4 ชั่วโมงครึ่ง โดยต่างแสดงความกังวลเรื่องการแผ่สยายอิทธิพลทางทหารขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ในเอเชีย และเห็นพ้องให้มีการยกระดับความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกัน
ปูติน ระบุว่า เขาพร้อมเปิดกว้างสำหรับการเจรจาเรื่องยูเครน พร้อมทั้งกล่าวชื่นชมแผนสันติภาพ 12 ประการของปักกิ่ง ซึ่งครอบคลุมข้อเรียกร้องเจรจาและการเคารพซึ่งอธิปไตยเหนือดินแดนของทุกๆ ประเทศ
“ข้อเสนอหลายประการในแผนสันติภาพของจีน สามารถใช้เป็นพื้นฐานในการบรรลุข้อตกลงด้วยสันติวิธี หากยูเครนและชาติตะวันตกพร้อมที่จะทำ” ปูติน กล่าวและย้ำว่าความร่วมมือระหว่างรัสเซีย-จีนจะกระชับแนบแน่นยิ่งขึ้น เพื่อนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของประชากรทั้ง 2 ชาติ
ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา มอสโกและปักกิ่งต่างมองหาลู่ทางที่จะยกระดับความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อถ่วงดุลการครองโลกของสหรัฐอเมริกา โดยรัสเซียซึ่งถูกกีดกันออกจากตลาดยุโรปด้วยมาตรการคว่ำบาตร ความร่วมมือด้านพลังงานจึงเป็นอีกหนึ่งวาระสำคัญของผู้นำทั้ง 2 ชาติ ต่อการหาทางออกจากกับดักดังกล่าว
“เราทั้ง 2 ชาติขอเรียกร้องให้สหรัฐฯ หยุดบ่อนทำลายความมั่นคงของนานาชาติและภูมิภาค รวมถึงเสถียรภาพทางยุทธศาสตร์ของโลก เพียงเพื่อให้บรรลุซึ่งความได้เปรียบทางทหารฝ่ายเดียว” แถลงการณ์ร่วมระบุ พร้อมย้ำว่าจีนคง “จุดยืนเป็นกลาง” ในเรื่องสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน
สำหรับแผนสันติภาพ 12 ประการของปักกิ่ง ระบุว่า
1.ขอให้เคารพต่ออธิปไตยของทุกประเทศ
2.ละทิ้งวิธีคิดแบบสงครามเย็น
3.หยุดทำตัวเป็นปฏิปักษ์
4.ขอให้มีการกลับมาจัดเจรจาสันติภาพอีกครั้ง
5.ขอให้มีการแก้ไขปัญหาวิกฤตด้านมนุษยธรรม
6.ขอให้มีการคุ้มครองพลเรือนและเชลยสงคราม
7.รักษาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไม่ให้ถูกโจมตี
8.ลดความเสี่ยงเชิงยุทธศาสตร์
9.จัดให้มีการส่งออกธัญพืช (จากเดิมที่รัสเซียเคยถูกกล่าวหาว่าปิดกั้นเส้นทางการส่งออกธัญพืชจากยูเครน แต่ฝ่ายรัสเซียโต้แย้งว่าเป็นฝ่ายยูเครนเองที่ไม่ยอมให้ส่งออก)
10.ยกเลิกการคว่ำบาตรจากฝ่ายเดียว
11.คงไว้ซึ่งเสถียรภาพของระบบอุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทาน
12.ส่งเสริมการบูรณะฟื้นฟูหลังสงคราม