วันที่ 31 ต.ค. ที่ สำนักงานทนายความคู่ใจ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี น.ส.เบ้นซ์ กัญญ์วรพัชร สกุลศิลปกร อายุ 28 ปี เข้าร้องขอความช่วยเหลือทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ช่วยติดตามคดี หลังตนเองถูกนางสาวมณฑิรา หรือใบเฟิร์น อินทร์สุวรรณ หลอกให้ร่วมลงทุนเปิดร้านทำเล็บ ในจังหวัดเชียงใหม่ และจะแบ่งผลกำไรให้ 4% ต่อเดือน สุดท้ายถูกเบี้ยวเงินจำนวน 200,000 บาท ไม่มีร้านทำเล็บอย่างที่แอบอ้าง จึงแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.สันกำแพง ในวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และ ผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ แต่คดียังไม่มีความคืบหน้าหลังผ่านมากว่า 2 เดือน
น.ส.เบ้นซ์ กัญญ์วรพัชร กล่าวว่า ตนรู้จักใบเฟิร์น ที่ชักชวน ให้ผู้เสียหายหลายราย มาร่วมลงทุน ทั้งเปิดร้านทำเล็บร้านตัดผม ทำผม โดยจะแบ่งเปอร์เซ็นต์จากการกำไรให้ 4% เมื่อโอนเงินให้กับใบเฟิร์นไปแล้ว กลับถูกเบี้ยว ผลัดวันประกันพรุ่งไม่สามารถเปิดร้านทำเล็บได้สักที ตนจงบอกเลิกสัญญา แล้วเขียนสัญญาใหม่ เป็นการให้กู้ ยืมเงินแทนโดยตกลงกันว่าจะชำระคืนให้ 4 งวด งวดละ 50,000 บาท แต่สุดท้าย ก็ถูกเบี้ยวไม่ยอมผ่อนชำระให้แต่อย่างใด
มีการออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมไปรับทราบข้อกล่าวหา จนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับ เมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ทางใบเฟิร์นก็หลบหนีไม่ยอมมามอบตัว เวลาผ่านมากว่า 2 เดือนทางพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนก็ยังไม่สามารถจับกุมตัวใบเฟิร์นมาดำเนินคดีได้ ทั้งๆ ที่มีหมายจับ
ตนทราบจากเพื่อนๆ ว่าใบเฟิร์นนั้นหลบหนีเข้ามาอยู่ในกทม. และจะออกเที่ยวสถานบันเทิงยามราตรีบ่อยมากจนมีเพื่อนๆ ตนเห็น เคยแจ้งข้อมูลกับทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว แต่ไม่สามารถดำเนินการได้บอกว่าระยะทางไกลยังไม่มีเวลาขนาดนั้น
นอกจากนี้ทราบว่า ผู้ต้องหารายนี้ หลอกผู้เสียหายคนอื่นๆ อีกกว่า 30 ราย สูญเงินกว่า 10 ล้านบาท โดยเฉพาะคุณป้ารายหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนกับแม่ใบเฟิร์นแท้ๆ และเห็นใบเฟิร์นมาตั้งแต่เด็กๆ ยังถูกโกงเงินและหลอกเงินไปกว่า 2 ล้านบาท โดยอ้างเหตุผลในการชวนให้ไปร่วมลงทุนเหมือนกับตน ทั้งนี้ผู้ต้องหารายนี้เคยเป็นดาวของคณะในมหาวิทยาลัยชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่ ออกตระเวนชักชวน คนที่เป็นดาวมหา’ลัย ด้วยกันให้มาร่วมลงทุน จนมีผู้เสียหายหลายรายในกลุ่มที่ถูกหลอก นอกจากนี้ใบเฟิร์นเองยังเป็นคนดังและเน็ตไอดอลมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก มีโปรไฟล์ดี เคยออกรายการทีวีบันเทิงหลายรายการ เคยร้องเพลงโชว์คู่กับแรปเปอร์ดังในรายการประกวดร้องเพลงดังของไทย ออกรายการ I can you see Voice ถ่ายแบบโฆษณา
นอกจากนั้นเขายังเคยข่มขู่ตนว่าหากไปแจ้งความหรือร้องเรียนที่ไหน จะฟ้องกลับตนเอง เกรงว่าเขาน่าจะมีแบ๊กเป็นผู้ใหญ่หนุนหลังอยู่หรือเปล่า ทำไมถึงยังลอยนวลได้อยู่จนถึงขณะนี้
ล่าสุดยังทราบว่าเขาพยายามเล่น app หาคู่แอปหนึ่ง กลัวว่าจะไปหลอกลวงคนอื่น จึงอยากวิงวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเร่งรัดติดตามคดีนำตัวผู้ต้องหารายนี้มาดำเนินคดีให้ด้วย
ทนายรณรงค์ กล่าวว่า กรณีนี้มีการชักชวนไปลงทุนไม่ได้ต่างจากตามโซเชียล ร้านที่ลงทุนไม่ได้มีอยู่จริง ใครก็ตามเห็นคนเด่นคนดังมาชักชวนลงทุนแล้วเห็นกำไรเกินร้อยละ 15 ต่อปี ขนาดแบงค์ยังให้ไม่ถึง 5% อันนี้ให้ตั้ง 48%ต่อปี คงต้องคิดวิเคราะห์ให้ดีว่าเขาจะได้กำไรมาจากไหน เพราะฉะนั้นการลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง เมื่อโดนหลอกแล้วให้ไปแจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดี
กรณีนี้ไม่ใช่คดีแพ่งเป็นคดีอาญาเรื่องของ พ.ร.ก การกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน เป็นการเอาเงินของคนลงทุนมาจ่ายคนลงทุน ไม่ได้ไปทำร้านแล้วมีกำไรมาจ่ายคนลงทุน แต่อันนี้ไม่ได้ลงทุนอะไรเลยแล้วเอาเงินของคนลงทุนมาจ่ายซึ่งมีความผิด
สุดท้ายอยากจะเตือนชาวบ้านว่าหากมีการเชิญชวนให้ลงทุนไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่มีกำไรมากถึงร้อยละ 15 ต่อปี มากกว่าอัตราดอกเบี้ยที่กฎหมายกำหนด ให้ระวังการถูกโกงให้ดีๆ ควรเตือนสติ ศึกษาให้ดีก่อน อย่าหลงเชื่อเพียงแค่มีโปรไฟล์ดีมียอดติดตามเยอะ หรือไปออกรายการดังทีวีต่างๆ
พรุ่งนี้( 1 พ.ย.66) เวลา 10.00 น.จะพาผู้เสียหายยื่นหนังสือขอ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. ติดตามจับกุมเน็ตไอดอลผู้ต้องหารายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย








