กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ, พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ฯ ปรก.บก.ปอท., พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์, พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท., พ.ต.ท.สัตตเมธ ใจแก้ว และ พ.ต.ท.ธนะ ว่องทรง รอง ผกก.2 บก.ปอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ มงคลการ, พ.ต.ท.ชัยเวง พาด้วง,พ.ต.ท.จักรพงษ์ รุ่งจำกัด, ว่าที่ พ.ต.ต.วชิรเชษฐ์ อัครธีระพงศ์, ว่าที่ พ.ต.ต.กมลภพ หาญเวชสว.กก.2 บก.ปอท., พ.ต.ต.ธนนชัยย์ ศรีบุญจันทร์, ว่าที่ พ.ต.ต.ศุภเดช ธนชัยศิริ สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ปอท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา ดังนี้
1.) นายอิทธิกร (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 1091/2567 ลง 14 มี.ค.67สถานที่จับกุม คอนโดย่าน ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
2.) น.ส.อัญชลี (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 1090/2567 ลง 14 มี.ค.67
สถานที่จับกุม อพาร์ทเม้นท์ ย่านซอยล้วนเจืออนุสรณ์ 1 ถ.สุขุมวิท แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นคนอื่น ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ร่วมกันโอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะ หรือหลังกระทำความผิด มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลงในความผิดมูลฐาน และสนับสนุนการกระทำความผิดหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดก่อน หรือขณะกระทำความผิด”
สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณต้นเดือนมีนาคม 2567 มีผู้เสียหายได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. กรณีมีคนร้ายได้นำภาพของบุคคลอื่นที่เป็นหญิงสาว หน้าตาสวย มาสร้างบัญชีของแอปพลิเคชันเอ็กซ์ (X), เฟซบุ๊ก และไลน์ปลอม โดยในการหาเหยื่อ จะใช้แอปพลิเคชันเอ็กซ์ (X) โดยใช้ภาพของหญิงสาว โพสต์ในลักษณะให้ชวนสงสาร ใช้ชีวิตลำบาก และหาคนเลี้ยงดู เพื่อให้เหยื่อเกิดความสนใจแล้วทักมาพูดคุยแบบส่วนตัว ซึ่งเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อทักเข้าไปพูดคุยจนเกิดความสนิทสนม คนร้ายจึงได้สร้างเรื่องราวต่างๆ ขึ้นมาเพื่อหลอกลวงให้ผู้เสียหาย โดยในแรกเริ่มจะมีการพูดคุยถึงชีวิตที่น่าสงสาร และมีขอเงินเพื่อไปปิดหนี้ที่ได้ไปกู้ยืมเงินมา จากนั้นจะส่งภาพของผู้หญิงอื่นมาให้ผู้เสียหายดูเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายหลงรักและวางแผนที่จะมาเจอกันนั้น ก็เริ่มทยอยโอนเงินไปให้กับคนร้ายเรื่อยมา โดยมีบัญชีอีวอลเล็ทของ น.ส.อัญชลีฯ และบัญชีธนาคารของนายอิทธิกรฯ รับโอนเงินจากผู้เสียหาย
เมื่อผู้เสียหายต้องการนัดเจอ คนร้ายจะอ้างเหตุผลเพื่อหลีกเลี่ยงในการเจอกันทุกครั้งทำให้ผู้เสียหายไม่เคยเจอตัวจริงของผู้หญิงที่ตนพูดคุยด้วยมาก่อน จนกระทั่งผู้เสียหายเริ่มเกิดความสงสัยและพยายามทวงเงินคืน คนร้ายจะขอทำสัญญากู้ยืมเงินมาโดยใช้ชื่อของ น.ส.อัญชลีฯ และสร้างเรื่องราวหลอกผู้เสียหายเพิ่มเติมว่ามีที่ดินของญาติที่มีมูลค่า สามารถขายเพื่อคืนเงินให้กับผู้เสียหายได้ แต่ต้องปลดหนี้ที่วางจำนองเสียก่อนจึงจะสามารถชดใช้คืนให้กับผู้เสียหายได้ เมื่อผู้เสียหายเกิดความเสียดายเงินที่ได้ให้กับคนร้ายไปก่อนหน้านี้ ก็จะโอนเงินเพิ่มเติมให้กับคนร้ายเพื่อหวังจะได้เงินคืน โดยตั้งแต่เริ่มพูดคุยประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน 2566 และเริ่มมีการโอนเงินครั้งแรกประมาณกลางเดือนธันวาคม 2566 จนกระทั่งถึงประมาณเดือนมีนาคม 2567 ทำมูลค่าความเสียหายกว่า 15 ล้านบาท
จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า กลุ่มคนร้ายได้นำภาพของบุคคลอื่นมาใช้เพื่อหลอกลวงผู้เสียหาย และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มคนร้าย พบว่าคนร้ายได้ใช้บัญชีของกลุ่มคนร้ายเองมารับเงินจากผู้เสียหาย โดยอ้างเป็นบุคคลใกล้ชิดกับตัวตนปลอมที่สร้างขึ้น เมื่อได้รับเงินจากผู้เสียหายแล้ว จะมีการโยกย้ายถ่ายเทเงินที่ได้จากการกระทำความผิดไปยังบัญชีของไปยังบัญชีต่างๆ ของตนและได้ทำการแปลงสภาพเป็นทรัพย์สินอื่นและอสังหาริมทรัพย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องยื่นคำร้องขออนุมัติหมายจับศาล ต่อมาศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับ จำนวน 2 หมาย
เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. ได้นำหมายค้น เข้าตรวจค้น/จับกุมกลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิด จำนวน 2 จุด โดยเป็นพื้นที่กรุงเทพฯ ย่านเขตจตุจักร จำนวน 1 จุด และย่านเขตบางนา จำนวน 1 จุด สามารถตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจำนวนหลายรายการ อาทิเช่น โทรศัพท์มือถือ 11 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร/บัตรกดเงินสด/บัตรเครดิต รวม16 รายการ และตรวจยึดนาฬิกา, พระเครื่อง, เครื่องประดับ,กระเป๋า-รองเท้าแบรนด์เนม และทรัพย์สินอื่นๆ อีกจำนวนหลายรายการ
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น นายอิทธิกรฯ ผู้ต้องหาที่ 1 ให้การรับสารภาพว่า ได้นำภาพถ่ายของบุคคลอื่นมาใช้สร้างตัวตนปลอมหลอกลวงผู้เสียหายจริง โดยจะสร้างแอคเคาต์ของแอปพลิเคชัน X (ทวิตเตอร์) เพื่อหลอกลวงเหยื่อ เมื่อมีเหยื่อหลงเชื่อมาพูดคุย มาก็จะพูดคุยสร้างความสนิทสนมเชิงชู้สาวเมื่อเริ่มพูดคุยกันจนสนิทแล้ว จะเริ่มมีการสร้างเรื่องราวต่างๆ เพื่อขึ้นมาเพื่อให้ผู้เสียหายเกิดความสงสาร จนผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงินให้ สุดท้ายเมื่อได้รับเงินมาจะยักย้ายถ่ายเทไปยังบัญชีธนาคารอื่นๆ ของตนและไปใช้จ่ายส่วนตัว ซื้อทรัพย์สิน เที่ยวต่างประเทศ ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย และสิ่งของแบรนด์เนมต่างๆ ทั้งนี้เงินส่วนใหญ่ที่ได้รับมาจากผู้เสียหาย คนร้ายจะนำไปเล่นการพนันต่างๆ เที่ยวจนหมด จากการตรวจสอบเพิ่มเติมยังพบว่ามีผู้เสียหายรายอื่นอีกว่า 40 ราย โดยในจำนวนผู้เสียหายดังกล่าว สามารถยืนยันว่ามีได้มีการโอนเงินให้กับคนร้ายรายนี้ จำนวนกว่า 10 ราย
ตำรวจสอบสวนกลาง CIB แจ้งเตือนประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน โปรดใช้ความระมัดระวังในการใช้บริการแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์หาคู่ออนไลน์ นอกจากจะทำให้เสียใจแล้วยังอาจทำให้เสียทรัพย์สินอีกเป็นจำนวนมาก และขอให้ใช้สื่อออนไลน์อย่างรู้เท่าทันแก๊งโรแมนซ์สแกม และมิจฉาชีพ ที่มาในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว และไม่โอนเงินให้กับบุคคลที่ไม่รู้จัก ทั้งนี้ ขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนที่คิดว่าตนเคยถูกกลุ่มคนร้ายดังกล่าวหลอกลวง สามารถติดต่อมายัง กก.2 บก.ปอท. เพื่อประสานข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ มงคลการ สว.กก.2 บก.ปอท. โทรศัพท์ 099-112-6565
อีก 1 กรณีต่อเนื่องลักษณะเดียวกัน ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ทลายเครือข่ายแก๊งโรแมนซ์สแกม หลอกให้รักนาน 6 ปี
ตุ๋นเหยื่อโอนเงิน มูลค่าความเสียหายกว่า 60 ล้านบาท
โดยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด
เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.,
พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ, พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท., พ.ต.อ.
ประดิษฐ์ เปการี รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ฯ ปรก.บก.ปอท., พ.ต.อ.วัชรพันธ์
ศิริพากย์, พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท., พ.ต.ท.สัตตเมธ
ใจแก้ว และ พ.ต.ท.ธนะ ว่องทรง รอง ผกก.2 บก.ปอท.
พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ มงคลการ, พ.ต.ท.ชัยเวง พาด้วง, พ.ต.ท.จักรพงษ์
รุ่งจำกัด, ว่าที่ พ.ต.ต.วชิรเชษฐ์ อัครธีระพงศ์, ว่าที่ พ.ต.ต.กมลภพ หาญเวช สว.กก.2 บก.ปอท.,
พ.ต.ต.ธนนชัยย์ ศรีบุญจันทร์, ว่าที่ พ.ต.ต.ศุภเดช ธนชัยศิริ สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ปอท. พร้อมด้วย
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. ร่วมด้วย กก.2 บก.ป. และ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.
ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา ดังนี้
1.) น.ส.นนทิกาญจน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 774/2567 ลง
27 กุมภาพันธ์ 2567 สถานที่จับกุม ห้องเช่าแห่งหนึ่ง ต.บางนมโค อ.เสนา จว.พระนครศรีอยุธยา
2.) น.ส.กฤษติกา (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 1142/2567 ลง 18
มีนาคม 2567 สถานที่จับกุม อาคารสำนักงานแห่งหนึ่ง แขวงสามพระยา เขตพระนคร จว.กรุงเทพมหานคร
3.) นายก้องภพ (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 1143/2567 ลง 18
มีนาคม 2567 สถานที่จับกุม ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน จว.พระนครศรีอยุธยา
4.) นายจีรศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 1144/2567 ลง 18
มีนาคม 2567 สถานที่จับกุม บ้านพักอาศัย ต.วังใหม่ อ.วังสมบูรณ์ จว.สระแก้ว
5.) นายวชิระ(สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 1141/2567 ลง 18
มีนาคม 2567 สถานที่จับกุม บริเวณริมถนน ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จว.พระนครศรีอยุธยา
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริต
หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และ สมคบโดยการตกลงกัน
ตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการ
สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”
พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณปี 2559 ผู้เสียหายได้ใช้บริการเว็บไซต์หาคู่เพื่อหาคนคุยในโลก
ออนไลน์ ปรากฎว่าผู้เสียหายพบกับโพสหาคู่ของ “น.ส.ไอซ์” ซึ่งเป็นบุคคลรูปร่างหน้าตาดี ผู้เสียหายจึงได้เพิ่ม
ไอดีไลน์ไปพูดคุยกับบุคคลดังกล่าว ซึ่งบัญชีไลน์ที่อ้างว่าเป็น น.ส.ไอซ์ฯ นั้นเป็นบัญชีไลน์ของคนร้ายได้ปลอมขึ้นมา
เพื่อไว้ใช้หลอกลวงเหยื่อ โดยผู้เสียหายได้พูดคุยกับ น.ส.ไอซ์ฯ เรื่อยมาจนเกิดความสนิทสนมชอบพอจนไปถึงจะ
แต่งงานด้วยกัน ต่อมา น.ส.ไอซ์ฯ ได้บอกกับผู้เสียหายว่าตนเองป่วยเป็นโรคมะเร็ง และโรคร้ายแรงต้องใช้เงินมาเป็น
ค่ารักษาจำนวนมาก ผู้เสียหายเกิดความเห็นใจประกอบกับชอบพอในตัว “น.ส.ไอซ์” จึงได้โอนเงินให้กับคนร้าย
เรื่อยมา โดย น.ส.ไอซ์ฯ ได้สร้างเรื่องหลอกลวงผู้เสียหายจำนวนมากมายหลายเรื่อง เช่น การชดใช้หนี้สินที่กู้ยืมมา,
การชดใช้หนี้ของครอบครัว, ค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน, ค่ารักษาพยาบาล, ชักชวนลงทุนเกี่ยวกับ
อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
โดยช่วงเวลาเกิดเหตุ กลุ่มผู้ต้องหาได้แวะเวียนกันมาบ้านผู้เสียหายโดยอ้างว่า น.ส.ไอซ์ฯ ส่งให้มาดูแล
ผู้เสียหาย ประกอบกับ น.ส.ไอซ์ฯ ได้อ้างว่าเมื่ออาการป่วยดีขึ้นจะย้ายมาอยู่บ้านของผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหาย
หลงเชื่อว่า น.ส.ไอซ์ฯ มีตัวตนอยู่จริง จึงได้โอนเงินให้กับกลุ่มผู้ต้องหาเพื่อค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงบ้านและเป็น
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ จากการตรวจสอบพบว่าผู้เสียหายได้มีการส่งมอบทรัพย์สินให้กับคนร้าย ไปจำนวนมากกว่า 960 ครั้ง
มูลค่าความเสียหาย 63,088,953 บาท
จากการสืบสวนพบว่า กลุ่มคนร้ายได้นำภาพของบุคคลอื่นมาใช้เพื่อหลอกลวงผู้เสียหายจริง และจากการ
ตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มคนร้าย พบว่าคนร้ายได้ใช้บัญชีของกลุ่มคนร้ายเองมารับเงินจากผู้เสียหาย โดยอ้าง
เป็นบุคคลใกล้ชิดกับ น.ส.ไอซ์ฯ เมื่อได้รับเงินจากผู้เสียหายแล้ว จะมีการโยกย้ายถ่ายเทเงินที่ได้จากการกระทำ
ความผิดไปยังบัญชีของกลุ่มคนร้ายรายอื่น และได้ทำการแปลงสภาพเป็นทรัพย์สินอื่นและอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้ง
รถยนต์และของแบรนด์เนมต่างๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องยื่นคำร้องขออนุมัติ
หมายจับศาล ต่อมาศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับ จำนวน 5 หมาย
เมื่อวันที่ 19-20 มีนาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด
บก.ป. ร่วมกันตรวจค้น/จับกุม กลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิด โดยแบ่งเป็น พื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 จุด, จังหวัด
พระนครศรีอยุธยา 3 จุด และจังหวัดสระแก้ว 1 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 5 ราย สามารถตรวจยึด
ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด อาทิเช่น โทรศัพท์มือถือ 11 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร/บัตรกดเงินสด/
บัตรเครดิต รวม 13 รายการ และตรวจยึดพระเครื่อง, เครื่องรางของขลัง, กระเป๋า-รองเท้าแบรนด์เนม และทรัพย์สิน
อื่นๆ อีกจำนวนหลายรายการ
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น น.ส.นนทิกาญจน์ฯ ผู้ต้องหาที่ 1 ให้การรับสารภาพว่า ได้นำ
ภาพถ่ายของบุคคลอื่นมาใช้สร้างตัวตนปลอมหลอกลวงผู้เสียหายจริง โดยจะนำรูปและไอดีไลน์ไปโพสต์ในเว็บไซต์หา
คู่หาคนคุยต่างๆ เมื่อมีเหยื่อลงเชื่อแอดไลน์มาก็จะพูดคุยสร้างความสนิทสนมเชิงชู้สาว โดยผู้เสียหายในคดีนี้แอดไลน์
มา เมื่อพูดคุยจนสนิทสนมแล้วจึงได้สร้างเรื่องราวต่างๆ เพื่อหลอกลวงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงินให้ ส่วนเงินที่
ได้รับโอนมานั้นก็จะนำมาแบ่งสันปันส่วนมากน้อยต่างกันในกลุ่มคนร้ายเอง และนำไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ซื้อกระเป๋าแบ
รนด์เนม เที่ยวต่างประเทศ ซื้อที่ดิน รวมถึงทรัพย์สินมีค่าต่างๆ จำนวนมาก
ตำรวจสอบสวนกลาง CIB แจ้งเตือนประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน โปรดใช้ความระมัดระวังในการ
ใช้บริการแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์หาคู่ออนไลน์ นอกจากจะทำให้เสียใจแล้วยังอาจทำให้เสียทรัพย์สินอีกเป็นจำนวน
มาก และขอให้ใช้สื่อออนไลน์อย่างรู้เท่าทันแก๊งโรแมนซ์สแกม และมิจฉาชีพ ที่มาในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ไม่
ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว และไม่โอนเงินให้กับบุคคลที่ไม่รู้จัก ทั้งนี้ ขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนที่คิดว่าตนเคย
ถูกกลุ่มคนร้ายดังกล่าวหลอกลวง สามารถติดต่อมายัง กก.2 บก.ปอท. เพื่อประสานข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ต.ธนนชัยย์ ศรีบุญจันทร์ สว. (สอบสวน) กก.2 บก.ปอท.
โทรศัพท์ 0964196928
“ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด”