กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้
การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤษ เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พล.ต.ต.พุฒิเดช
บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วงศ์ปกรณ์ เปรมกุลนันท์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ., พ.ต.ท.ภูวเดช จุลกะเสวี,
พ.ต.ท.วิวัฒนชัย คลื่นแก้ว, พ.ต.ท.จักรี กันธิยะ และ พ.ต.ท.พิทยา คงเจริญ รอง ผกก.5 บก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. นำโดย พ.ต.ต.กล้า สมบัติพิบูลย์ สว.ส.ทล.1 กก.2
บก.ทล., ร.ต.อ.ณัฐพล เทียนแก้ว รอง สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม กก.5 บก.ปอศ. นำโดย พ.ต.ต.สุทธิพงษ์ จันทพันธ์ สว.กก.5 บก.ปอศ. พร้อมด้วย ร.ต.อ.ทิพย์กร ไชยกระโทก รอง สว.(ป) กก.5 บก.ปอศ.
สถานที่ตรวจค้น บ้านพัก จำนวน 2 หลัง ในพื้นที่ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร และ อ.จอมบึง จ.ราชบุรี
ตรวจยึด สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 3 บัญชี พร้อมโทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยเงินกู้และเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ของ น.ส.ชญานีฯ หรือเบล
ร่วมกันจับกุม นายสายฟ้าฯ อายุ 29 ปี โดยกล่าวหาว่า “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง
โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องถิ่น” พร้อมด้วยของกลาง อาวุธปืนลูกซองยาว พร้อมกระสุนปืนลูกซองจำนวนหนึ่ง
พฤติการณ์ เมื่อช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ที่ผ่านมา ขณะที่ พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล. กำลังตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อำนวยการจราจรในช่วงเทศกาลปีใหม่ ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ได้มี น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นลูกหนี้นอกระบบ เข้ามาขอคำปรึกษา เนื่องจาก น.ส.เอ ได้รับความเดือดร้อนจากการกู้เงินนอกระบบ พ.ต.อ.ภคพลฯ จึงได้มอบหมายสั่งการให้ พ.ต.ต.กล้า สมบัติพิบูลย์ สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. ทำการสืบสวนและรวบรวมข้อเท็จจริง จนทราบว่า
เมื่อประมาณ กรกฎาคม 2566 น.ส.เอ ได้ประสบปัญหาทางการเงิน จึงได้มองหาแหล่งเงินทุน ก่อนจะถูก น.ส.เบล หรือ น.ส.ชญานีฯ ซึ่งเป็นเพื่อนที่เคยรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนให้มากู้เงินกับตนผ่านทางเฟซบุ๊ก
ในช่วงแรก น.ส.เบล เสนอให้ผู้เสียหายกู้เงิน จำนวน 4,000 บาท โดยต้องชำระดอกเบี้ยทุกเดือน เดือนละ 2,000 บาท จนกว่าจะชำระต้นเงินคืน ซึ่งผู้เสียหายได้ชำระดอกเบี้ยไปแล้ว 3 ครั้ง รวมเป็นเงิน 6,000 บาท และจะต้องชำระค่าปรับในกรณีที่ส่งดอกเบี้ยล่าช้า โดยคิดค่าปรับเป็นรายวัน วันละ 500 บาท ในช่วงแรก ผู้เสียหายชำระหนี้ไปทั้งหมด 12,000 บาท จากการกู้ยืมเงินแค่ 4,000 บาท
ต่อมาไม่นาน น.ส.เบล ยังได้เสนอให้ผู้เสียหายกู้ยืมเงินอีกครั้ง เป็นจำนวน 2,500 บาท ต้องชำระดอกเบี้ยทุกวัน วันละ 250 บาท จนกว่าจะชำระต้นเงินคืนทั้งหมด ซึ่งจากการกู้ยืมเงินเพียง 2,500 บาท ผู้เสียหายได้ชำระเงินต้นรวมดอกเบี้ยทั้งหมด เป็นเงิน 14,750 บาท
โดย น.ส.เบล จะได้ใช้วิธีการโพสต์และส่งข้อความข่มขู่ผู้เสียหายผ่านทางเฟซบุ๊ก หากไม่ชำระหนี้ก็จะโพสต์ประจานให้เกิดความเสียหาย และได้มีการโพสต์ข้อความและรูปภาพของผู้เสียหายในลักษณะที่เป็นการประจาน ทำให้ผู้เสียหายเกิดความอับอายจนต้องยอมจ่ายเงินให้กับ น.ส.เบล รวมเป็นจำนวนเกือบ 40,000 บาท ทั้งๆ ที่ยอดเงินต้นรวมทั้งหมดแค่เพียง 6,500 บาท ซึ่งเมื่อคำนวณอัตราดอกเบี้ย คิดเป็นประมาณ ร้อยละ 615 ต่อปี ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดเอาไว้มาก (อัตราดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนดไว้ คือ ไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี)
จากการสืบสวนพบว่า น.ส.เบล มีพฤติการณ์ปล่อยเงินกู้และเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด ในลักษณะนี้กับลูกหนี้อีกหลายราย จนพบว่าเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารมีมากกว่า 3 ล้านบาท โดยมีพฤติกรรมโพสต์ข่มขู่ ประจานลูกหนี้แต่ละราย ผ่านทางเฟซบุ๊กเพื่อให้เกิดความอับอายจนยอมชำระเงิน ทั้งๆ ที่ยอดชำระ
สูงกว่าเงินต้นหลายเท่าตัว
ภาพหลักจากการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. ได้พาผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองกำกับ 5 กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ(กก.5 บก.ปอศ.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ. ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.สุทธิพงษ์ จันทพันธ์ สว.กก.5 บก.ปอศ. ทำการสืบสวนเส้นทางการเงินและพฤติการณ์ของ น.ส.เบล
จนพบหลักฐานว่า น.ส.เบล เป็นผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินและคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตรา
ที่กฎหมายกำหนด จึงได้รวบรวมหลักฐานเพื่อขออนุญาตศาลอนุมัติหมายค้น เพื่อนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เข้าตรวจค้นที่พักอาศัยของ น.ส.เบล เพื่อให้ได้มาซึ่งพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องการกับปล่อยเงินกู้นอกระบบ
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 เม.ย.67 เวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. นำกำลังเข้าตรวจคนบ้านพักของ น.ส.เบล ในพื้นที่ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร และ อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ตามหมายค้นที่ได้รับการอนุมัติจากศาล พบ น.ส.เบล พักอาศัยอยู่ในบ้านพักที่ อ.จอมบึง จ.ราชบุรี จากการตรวจค้น พบบัญชีธนาคารสมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 3 บัญชี และโทรศัพท์มือถือของ น.ส.เบล ที่ผูกกับบัญชีธนาคารที่ใช้ในการปล่อยสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ตรวจสอบเบื้องต้น ในปีที่ผ่านมา พบเงินหมุนเวียนกว่า 3 ล้านบาท โดย น.ส.เบล ให้การว่าตนได้ปล่อยเงินกู้ทั้งแบบรายวันและ
รายเดือนจริง
โดยที่ผ่านมา ถึงแม้ว่า น.ส.เบล จะเป็นเจ้าหนี้ปล่อยเงินกู้นอกระบบรายย่อย ที่ปล่อยให้กู้เงินในหลักพัน แต่ลูกหนี้ส่วนใหญ่ เมื่อชำระเงินกู้สำหรับเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าปรับแล้ว จะมีมูลค่ารวมสูงกว่าเงินต้นประมาณ 5-6 เท่าตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจยึดพยานหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยเงินกู้นอกระบบ และ
ได้เชิญตัว น.ส.เบล เพื่อไปรับทราบข้อกล่าวหา ที่ กก.5 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ จากการตรวจค้นบ้านพักที่ น.ส.เบล พักอาศัยอยู่ ซึ่งมี นายสายฟ้าฯ ซึ่งเป็นญาติของ น.ส.เบล แสดงตัวเป็นเจ้าบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบอาวุธปืนลูกซองยาว จำนวน 1 กระบอก พร้อมลูกกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง ถูกเก็บไว้ในรถยนต์กระบะของ นายสายฟ้าฯ ที่จอดอยู่ในบริเวณที่พัก ตรวจสอบอาวุธปืนลูกซองยาวดังกล่าว พบว่าเป็นชื่อของผู้อื่น โดยนายสายฟ้าฯ อ้างว่า อาวุธปืนกระบอดดังกล่าวตนซื้อมาจากคนอื่นแต่ยังไม่โอนทะเบียน นายสายฟ้าฯ จึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” และจับกุมตัวนายสายฟ้าฯ พร้อมอาวุธปืนของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ด่านทับตะโก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ต.กล้า สมบัติพิบูลย์ โทร. 062-5978885