กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.,
พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ
ผกก.1 บก.ป., พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ รอง ผกก.1 บก.ป., พ.ต.ท.สมเดช สาระบรรณ์ รอง ผกก.1 บก.ป.,
พ.ต.ท.ธนศักดิ์ สว่างศรี รอง ผกก.1 บก.ป., พ.ต.ท.อภิชน ขันกา รอง ผกก.1 บก.ป., พ.ต.ท.พชรเดช บุญฤทธิ์ รอง ผกก.1 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.เอกรัฐ จันทร์มณี สว.กก.๑ บก.ป. ,ร.ต.ต.สายชล คูหาทอง
รอง สว (ป.) กก.1 บก.ป., พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป.
ร่วมกันจับกุม น.ส.อัญธิกาฯ อายุ 30 ปี โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่น”ตามหมายจับของศาลอาญามีนบุรี ที่ 516/25
ลงวันที่ 3 เม.ย.2567
สถานที่จับกุม กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
พฤติการณ์ คดีนี้ก่อนเกิดเหตุประมาณกลางปี 2566 นายเอ (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย ได้กู้เงินนอกระบบกับซ้อส้ม จำนวนหนึ่งหมื่นบาท โดยซ้อส้มให้ส่งดอกเบี้ยพร้อมเงินต้นรวมกันเป็นรายวันจำนวน 24 งวด ส่งงวดละ 500 บ. ระหว่างส่งดอกเบี้ยพร้อมเงินต้นใกล้ครบแล้ว ซ้อส้มก็เสนอเงินให้กู้อีก ผู้เสียหายจึงกู้เงินกับซ้อส้มอีก 2 ครั้ง รวมกู้ทั้งหมด 3 ครั้ง รวมเงินต้น 70,000 บ. โดยผู้เสียหายได้จ่ายดอกเบี้ยพร้อมเงินต้นรายวันยอดที่กู้ใหม่จำนวนวันละ 1,500 บ. มาจนถึงปลายปี 66 รวมเงินที่จ่ายไปแล้วประมาณกว่า 150,000 บ. (คิดคำนวณดอกเบี้ยร่วมกว่า 300% ต่อปี) กระทั่งผู้เสียหายจ่ายไม่ไหว ซ้อส้มก็จะพาลูกน้องมาตามทวงกดดันให้ส่งทรัพย์สินให้แทนการจ่ายดอกเบี้ย เช่น โทรศัพท์มือถือ, รถมอเตอร์ไซค์ฯลฯ
จนผู้เสียหายจำยอม กระทั่งมาถึงวันที่ 17 ม.ค.67 วันเกิดเหตุซ้อส้มได้พาลูกน้องมาทวงหนี้เงินกู้จากผู้เสียหาย (รวม 6 คน หญิง 2 คน ชาย 4 คน) รุมกระทืบเตะต่อยผู้เสียหายจนเลือดออกปาก เตะต่อยใบหน้า หน้าตาปิดบวมเสียรูป ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว ให้ดำเนินคดีกับซ้อส้มกับพวกที่รุมทำร้ายตน
ต่อมาซ้อส้มได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว แจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายฯ พร้อมกับ “นายมาร์ค” หนึ่งในลูกน้องของซ้อส้มซึ่งเป็นคนเริ่มเปิดเตะทำร้ายเตะผู้เสียหาย
พนักงานสอบสวนฯ จึงแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายฯผู้เสียหาย ซึ่งยังเหลือผู้ต้องหาอีก 4 ราย ซึ่งพนักงานสอบสวนฯ ได้ขออนุมัติออกหมายจับบุคคลตามภาพวันเกิดเหตุไว้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำวจได้สืบสวนทราบว่า น.ส.บี (นามสมมุติ) มีตำหนิรูปพรรณตรงกับบุคคลในภาพถ่ายในหมายจับ เชื่อว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ทำร่วมทำร้ายผู้เสียหายเมื่อวันที่ 17 ม.ค.67 ดังกล่าว
จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายค้นบ้านพักของ น.ส.บี เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม พบเสื้อผ้า รองเท้าที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุ ตรงกับลักษณะบุคคลในรูปภาพในหมายจับ สอบถามให้การรับสารภาพว่าเป็นบุคคลในภาพถ่ายจริง แต่อ้างว่าวันเกิดเหตุตนขับรถยนต์เก๋งแอคคอร์ดสีขาวของแม่ไปส่งผ้าให้ซ้อส้ม แต่ซ้อส้มชวนตนไปรับกล้องวงจรปิดที่สั่งซื้อไว้ โดยตนไม่ทราบถึงเหตุการณ์รุมทำร้าย เบื้องต้นยังไม่ปักใจเชื่อคำอ้างดังกล่าว จึงจับกุมส่งพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การภาคเสธ ว่าเป็นบุคคลตามภาพ ตามหมายจับนี้
ซึ่งในวันที่เกิดเหตุตนได้ไปกับซ้อส้มและเป็นบุคคลตามภาพจากกล้องวงจรปิด จริง แต่ไม่ทราบว่าจะมีการรุมทำร้ายร่างกายผู้เสียหายตามที่เกิดเหตุดังกล่าว