เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 31 ต.ค.66 ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ พา น.ส.มิว อาภาศิริ (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี และ นายภาสกร (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี สามีภรรยา เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร.) เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและขอให้พนักงานสอบสวนพิจารณา คำสั่งไม่ฟ้องในคดีที่ตกเป็นผู้ต้องหาละเมิดลิขสิทธิ์การ์ตูนชินจัง โดยมี พ.ต.อ.สมเกียรติ แก้ววิเศษ รอง ผบก.ส.3 (ปฏิบัติราชการ บก.ส.2) นายตำรวจเวรอำนวยการเป็นตัวแทนรับเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชา
น.ส.มิว อาภาศิริ เปิดเผยว่า ตนเคยเป็นพนักงานบริษัท แต่ได้ออกมาอยู่บ้านเพื่อเลี้ยงดูลูกๆ 2 คน และอยากหารายได้ช่วยครอบครัว กระทั่งเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมาได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว บัญชี Arpa Mew ประกาศขายสินค้าเป็นกระบอกน้ำสแตนเลส
ต่อมาวันที่ 27 ก.ค. มีผู้ใช้แอปพลิเคชั่นเฟซบุ๊ก ชื่อบัญชี Noppamas Ladkrabang ได้ส่งข้อความมาสั่งซื้อแก้วสแตนเลสลายการ์ตูน”ชินจัง”จำนวน 2 ใบ ราคาใบละ 270 บาท รวม 540 บาท
จากนั้นบุคคลดังกล่าว ได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของตน ก่อนที่ตนจะได้ส่งข้อความถึงผู้ใช้แอปพลิเคชั่นไลน์ ชื่อบัญชี “Mami NP ซึ่งเป็นโกดังสินค้าราคาส่ง ขายทุกอย่าง” เพื่อให้โกดัง จัดส่งสินค้าจัดส่งแก้วลายการ์ตูนชินจังให้แก่ลูกค้าตามออเดอร์ เมื่อลูกค้าสั่งสินค้า
ต่อมาเมื่อวันที่ 9 ต.ค.ปรากฎว่ามีหมายเรียกจาก พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ให้ไปรับทราบข้อหาฐานกระทำความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ผู้อื่นเพื่อการค้า ซึ่งงานสร้างสรรค์ศิลปกรรม ลักษณะงานจิตรกรรม โดยการขาย มีไว้เพื่อขาย เสนอขายอนุญาต แห่ง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
จึงรู้ว่าตัวว่าถูกล่อซื้อ จากนั้น จึงหาข้อมูลพบว่ามีคนตกเป็นเหยื่อและเจอลักษณะเดียวกันอีกหลายคน โดยผู้ที่ติดต่อซื้อสินค้าเป็นคนเดียวกับกรณีที่เคยเป็นข่าวดังเมื่อปี 60 ที่ถูกชุดจับกุมสินค้าลิขสิทธิ์ล่อซื้อ ที่จังหวัดราชบุรี
น.ส.มิว อาภาศิริ ยืนยันว่า ตนเองเป็นเพียงคนโพสต์ขายสินค้า โดยนำภาพสินค้าจากโรงงานที่ประกาศทางเฟซบุ๊ก ไม่ได้มีสินค้าอยู่ในความครอบครองและผู้ที่เป็นผู้จัดส่งสินค้ากับลูกค้าคือโกดังสินค้า ไม่ใช่ตนเอง ส่วนที่ โพสต์ขายสินค้าดังกล่าว เนื่องจากไม่รู้ว่าแก้วสแตนเลส ลายการ์ตูนชินจัง ของโกดังที่โพสต์ขายนั้นเป็นสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์ แต่เข้าใจว่าสินค้าของโกดังเป็นสินค้าที่ถูกกฎหมาย และได้ส่วนต่างจากการโพสต์ขายสินค้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งเพิ่งจะทำการโพสต์และขายได้แค่ 2 ใบ ๆ ละ 270 บาท ที่จะได้ส่วนต่างจากการโพสต์ขายสินค้ามีกำไรใบละ 50 บาท เท่านั้น
และการโพสต์ขายสินค้าดังกล่าวเป็นการขายสินค้าครั้งแรก ก่อนหน้าไม่เคยโพสต์ขายสินค้าหรือทำมาหากินเป็นแม่ค้าออนไลน์มาก่อนเลย ก็โดนหมายเรียกฐานละเมิดลิขสิทธิ์แล้ว
ด้าน ทนายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวตนเชื่อว่าน่าจะมีการทำกันเป็นขบวนการ และอยากให้ ผบ.ตร.ให้ความเป็นธรรมกับสองสามีภรรยาคู่นี้ที่ต้องตกเป็นเหยื่อขบวนการ”ตัวตึง”หากินกับการไล่ล่อซื้อสินค้าจากบุคคลที่ไม่รู้เรื่องกฎหมายลิขสิทธิ์ฯ อยากให้ท่านพิจารณาหรือดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินของบรรดาเหล่า”ตัวตึง”และผู้เกี่ยวข้องที่มีการจับกุมลักษณะดังกล่าวบ่อยครั้ง เพราะมองว่ายังมีขบวนการ”กุ๊กๆ กู๊” เหลืานี้อีกมาก เพื่อเรียกเงินจากผู้ที่ถูกกล่าวหาครั้งละ 50,000-100,000 บาท และขอเรียกร้องให้ตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวนเิาผิด จับกุมตัวการใหญ่จะดีกว่ามาค่อยรับทำคดีแบบนี้ หรือหากจะทลายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ก็ควรจะบุกจับโรงงานผลิตมากกว่า ไม่ใช่ใช้ช่องของกฎหมาย มาล่อซื้อจับประชาชนตัวเล็กตัวน้อย รายย่อยเพื่อเจรจาต่อรองเรียกค่าเสียหายหากินแบบนี้
ทนายเกรียงศักดื์ กล่าวทิ้งท้าย วันที่ 9 พ.ย. เวลา 13.00 น. ตนจะพา 2 สามีภรรยา ผู้ถูกกล่าวหาไปพบพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกและทราบว่า”ตัวตึง-ขบวนการ กุ๊กๆ กู๋”ที่มาดำเนินคดีจะมาในวันดังกล่าวด้วย
เบื้องต้น รอง ผบก.ส.3 ได้ลงรับหนังสือร้องทุกข์เพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป