เดือดสนั่นโลกโซเชียลกับข่าวปิดกิจการของ CARS24 สตาร์ทอัพระดับ ‘ยูนิคอร์น’ สัญชาติอินเดียที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย พลิกวงการขายรถยนต์มือสอง ด้วยการสร้างแพลตฟอร์มจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์ กลายเป็นผู้นำตลาดอินเดียภายในเวลาเพียง 3 ปี ขยายอาณาจักรไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย ในชื่อ บริษัท คาร์ส24 กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด
แต่แล้วเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 CARS24 ก็ได้ประกาศปิดกิจการทุกสาขาทั่วประเทศอย่างเป็นทางการ หลังขาดทุนต่อเนื่อง ตามรายงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุผลกระกอบการย้อนหลัง 2 ปีของบริษัท คาร์ส24 กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด คือ ปี 2565 รายได้ 487.86 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 1.30 ล้านบาท ปี 2566 รายได้ 1,704.70 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 940.04 ล้านบาท รวม 2 ปี ขาดทุนกว่า 1 พันล้านบาท
การปิดตัวของ CARS 24 ทำให้หลายคนจับตามองธุรกิจเต้นท์รถมือสองซึ่งปัจจุบันเริ่มทยอยปิดตัวเรื่อยๆ จากกลยุทธ์การกักตุนรถไว้จำนวนมาก กำลังกลายเป็นการนำเงินลงทุนไปจมกับกองรถยนต์มือสอง จนแบกรับภาระไม่ไหว บวกกับสภาพเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ขณะที่สินเชื่อรถยนต์กลายเป็นหนี้เสียรื้อรังจนธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อ หลายเต้นท์จำใจนำรถยนต์ออกมาขายลดราคาที่ถูกอยู่แล้วให้ถูกลงไปอีก เพื่อนำเงินสดมารักษารักษาสภาพคล่อง
นอกจากนี้ การเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้ายังส่งผลกระทบทางอ้อมต่อธุรกิจรถยนต์มือสอง เนื่องจากกระแสความนิยมรถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ตามเทรนด์การรักษาสิ่งแวดล้อม ส่งผลต่อยอดขายรถมือสองที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ประกอบกับราคารถไฟฟ้าที่มีโปรโมชั่นและมีแนวโน้มถูกลงในอนาคต ดึงดูดผู้ซื้อมากขึ้น จนรถยนต์มือสองไม่สามารถจูงใจผู้ซื้อได้เหมือนเดิม
นั่นทำให้ธุรกิจขายรถยนต์มืองสองตกอยู่ในสภาวะวิกฤต เกิดปรากฏการณ์ขาดเงินสดหมุนเวียน สต็อกล้นตลาด การปิดตัวของ CARS 24 จึงไม่ใช่แค่ปัญหาเชิงโครงสร้างขององค์กร แต่คือแรงสั่นสะเทือนทั้งระบบ และอาจกลายเป็นโดมิโนกวาดธุรกิจเต้นท์รถมือสองให้ล้มระนาวเป็นลูกโซ่
