(ตอน) รางรถไฟใต้…โดนแดดหลอม กลัวตกราง
ชีวิตที่เกิดมา….พ่อ-แม่ เป็นเสาหลักให้กับ “ชีวิตใหม่” เกาะหาที่ยึดไปตามแรงเกื้อหนุน โดยธรรมชาติ
สร้างให้เราเรียนรู้…ดีกว่าเอาเจ้าขุนมูลนาย ตีนไม่ติดดิน มาโกงบ้านกินเมือง ยืนค้ำหัวประชาชน หาผลประโยชน์
แต่….ชีวิตจริงในยุคธรรมชาติในยุคปัจจุบัน ไม่อาจจะแบ่งปันทั่วถึงก้นได้อีกแล้ว
ที่ว่าไว้ในคำโบราณ…”น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า” อากาศหนาวเย็น แค่สุมไฟกองเล็กๆใกล้ใต้ถุนเรือน ความอบอุ่นแผ่หาต่อกันในไออุ่นธรรมชาติได้ทั่วแล้ว
เราก็มีความอบอุ่นที่พึ่งพา…ชีวิตจริง กับ ธรมชาติร่วมสร้างสรรค์ อยู่ด้วยกันอย่างพอเพียง…พออยู่ร่วมกันได้
วันนี้…ถ้าคุณอยากจะเดินทางไป ปลายทาง นครศรีธรรมราช ต้องถามพนักงานตรวจรางรถไฟก่อน
…มีใครเอาน้ำไปราดรางรถไฟ ไม่ให้บิดเบี้ยวเพราะความร้อน อาจจะทำให้รถไฟตกรางได้หรือยัง??
คนงานเท่านั้น ที่พอรู้เรื่องปรากฏการณ์ อากาศร้อนจัด ถึงขั้นรางรถไฟเหมือนอยู่ในเตาหลอม
นี่คือเรื่องจริง…ที่เกิดขึ้นจริงๆ
โครงการดึงน้ำหล่อเลี้ยงพื้นที่แห้งแล้งท้องไร่ท้องนา ใน 3 จังหวัดภาคใต้ กลายเป็นท้องไร่ท้องนา ที่อุดมสมบูรณ์…จากโครงการพระราดำริ ของพระองค์ ในหลวง ร.9 ท่านทำไว้ให้ประขาชาชน
มีที่ดิน…ปลูกข้าว-เลี้ยงปลา “อยู่อย่างพอเพียง”
ก็ล้มหายตายจากไปหมดสิ้น…เหลือแผ่นดินแห้งกรัง ขาดการส่งเสริมน้ำหล่อเลี้ยง…หน่วยราชการ เช้าชามเย็นชาม กลับมาเกิด เหมือนยุคด้อยพัฒนาเดิม
แผ่นดินใต้…ไม่ขาดน้ำ แห้งแล้งไม่นาน…ไม่มีมือ “ไฟการเมือง” มีแต่ทรัพย์ในดินสินในน้ำ เหลือเฟือเลี้ยงชีพ
ปัจจุบัน…น้ำคือชีวิตจริง พวกเขาไม่อดน้ำ แต่ผลไม้ตายแห้ง ไม่เหลือเลย…มีใครบ้างที่เขาเลือกมาเป็น “ผู้แทน” คอยผลักหน้าอกข้าราชการ ให้ออกมาทำหน้าที่เพื่อประชาชน
ก็อยู่กัน…คนละพรรค คนละพวก
ไปรวมเป็นพวก…“เงินไม่มี งานไม่เดิน” กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน
หลายคนเริ่มมองเห็น…”ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน” กลับคืนสู่ “อยู่อย่างพอเพียง” ดีไหม??
#สุคนธ์_ชัยอารีย์
สืบจากข่าว รายงาน